เตรียมเสนอ“ปรับบัญชี CITES จระเข้น้ำจืดไทยเป็นบัญชี 2” ดันผู้ประกอบการค้าจระเข้ไทย ผงาดในตลาดโลก

ประเทศไทยเตรียมเสนอ“ปรับบัญชี CITES จระเข้น้ำจืดของไทย จากบัญชี 1 เป็นบัญชี 2” ต่อที่ประชุม CITES CoP19 หลัง ครม.ไฟเขียว เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการการค้าจระเข้ไทย…ผงาดในตลาดโลก

​ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน2565 อนุมัติในหลักการตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง “ข้อเสนอปรับลดบัญชีจระเข้น้ำจืดของไทย (Crocodylus siamensis) จากบัญชี 1 เป็นบัญชี2 ภายใต้อนุสัญญา CITES”  ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์  ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  

66AA279B 6563 4FE8 9F96 73C2D302B4CC

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะได้ดำเนินการเสนอต่อที่ประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 19 (CITES CoP19) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 22 พฤศจิกายน 2565 ณ สาธารณรัฐปานามา  

สำหรับข้อเสนอปรับลดบัญชีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย (Crocodylus siamensis) นั้น เนื่องจากจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทย (Crocodylus siamensis) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ ตามกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. 2546 และเป็นชนิดที่อยู่ในบัญชี 1 (Appendix I) ตามบัญชีท้ายอนุสัญญา CITES ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงจระเข้น้ำจืดทั่วประเทศ โดยมีผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ค้า ครอบครอง และเพาะพันธุ์ที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จำนวน 1,415 ราย มีจำนวนรวม 1,263,360 ตัว (ข้อมูลปี พ.ศ. 2564) 

การค้าระหว่างประเทศของจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในบัญชี 1 ที่มีข้อกำหนดในการส่งออกจะต้องขอนุญาตจาก CITES แต่หากปรับลดชนิดพันธุ์มาอยู่ในบัญชี 2 (Appendix II) ผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้เลย ซึ่งจะช่วยทำให้การค้าระหว่างประเทศเกิดความสะดวกมากยึ่งขึ้น

DD2429DC A80B 4CCF 8960 F009652FA7C2

โดยการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในฟาร์ม ประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงมายาวนานกว่า 20 ปี และมีการขึ้นทะเบียนฟาร์มเพาะเลี้ยงจระเข้ เพื่อการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลทำให้เกิดธุรกิจการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์จระเข้ ทั้งฟาร์มขนาดเล็กและฟาร์มขนาดใหญ่ทั่วประเทศ รวมทั้งมีธุรกิจต่อเนื่องในการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย ได้แก่ การซื้อ – ขายจระเข้มีชีวิต เนื้อจระเข้ ไข่จระเข้ และหนังจระเข้ในอุตสาหกรรมเครื่องหนัง รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ และธุรกิจเกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจการท่องเที่ยว กิจการสวนสัตว์เอกชน มูลค่าการส่งออกจระเข้ของไทยในปี พ.ศ. 2561 – 2562 (ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) มีมูลค่ามากกว่า 7,000 ล้านบาท  

AD78A856 90A9 41D3 8093 222965D5FC45

​ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พยายามผลักดันข้อเสนอเร่งด่วนของกรมประมงเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบในการปรับลดบัญชีจระเข้น้ำจืดของไทย (Crocodylus siamensis) จากบัญชี 1 เป็นบัญชี 2 ภายใต้อนุสัญญา CITES” ซึ่ง ครม. มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา 

และหากประเทศไทยสามารถดำเนินการขอปรับลดสถานะจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในการประชุม CITES CoP19 ได้สำเร็จ จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเป็นผลในเชิงบวกต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในตลาดโลก และยังลดการกีดกันทางการค้ากับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังสามารถใช้โอกาสนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทในการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย 

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา รมว.กระทรวงเกษตรฯ ยังได้ส่งเสริมและสนับสนุนการเพาะเลี้ยงจระเข้ให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยเสนอครม.อนุมัติงบประมาณกว่า 1,800 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจต่อเนื่อง ภายใต้โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องฯ อีกทั้ง ยังเน้นย้ำให้กรมประมงหาแนวทางการส่งเสริมตลาดการค้าจระเข้ไทยให้เป็นที่เชี่อมั่นของตลาดโลก เป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้า การขยายตลาดการค้าระหว่างประเทศ และนำไปสู่การพัฒนาอาชีพของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ ก่อให้เกิดธุรกิจที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของไทย…นาย บัญชา กล่าว