
ตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพายุโซนร้อนกำลังแรง”วิภา”บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนซึ่งอิทธิพลของพายุจะทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกเกิดฝนตกหนักหรือหนักมากหลายพื้นที่


นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอรรถกร ศิริลัทยากร)กล่าวภายหลังการเรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภาคเหนือในการเตรียมการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวว่าได้รับข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อลดผลกระทบภาคเกษตรให้มากที่สุดพร้อมให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร ทั้งระดับเขต จังหวัด อำเภอและตำบลเร่งเข้าสู่โหมดการปฏิบัติตัวในช่วงเตรียมพร้อมและตอบสนองอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรและลดผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่เสี่ยง

แนวทางปฏิบัติในช่วง “เตรียมพร้อม”
- จัดทำและทบทวน แผนที่พื้นที่เสี่ยงภัย (Flood Risk Map) พร้อมจำแนกกลุ่มพืชที่มีความเปราะบางต่อภาวะน้ำท่วม เช่น ข้าว ข้าวโพด พืชผัก พืชสวน สำรวจข้อมูล ชนิดพืช ปริมาณผลผลิต และอายุของพืช ในพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมแผนรองรับ
- ตรวจสอบและเตรียม เครื่องสูบน้ำ เครื่องมือระบายน้ำ และอุปกรณ์ที่จำเป็น ให้พร้อมใช้งานทันที
- วางแผน ลดความเสี่ยง ด้วยการปรับแปลงเพาะปลูก สร้างคันกั้นน้ำ ตัดแต่งกิ่งพืช และเก็บเกี่ยวบางส่วนล่วงหน้า หากจำเป็น
- แจ้งเตือนเกษตรกรในพื้นที่ผ่าน ทุกช่องทางการสื่อสาร อย่างต่อเนื่อง
- ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการย้ายทรัพย์สิน ปัจจัยการผลิต หรือผลผลิตขึ้นที่สูง หลีกเลี่ยงความเสียหาย
และแนวทางปฏิบัติในช่วงประสบภัยพิบัติ - เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เกษตรทันทีเมื่อน้ำเริ่มขัง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
- เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกซ้ำ และน้ำจากต้นน้ำไหลหลาก
- ประสานกับท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายในพื้นที่เพื่อสนับสนุนการตอบสนองเร่งด่วน
- ให้เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอและตำบล เป็นด่านหน้าในการเฝ้าระวังและให้คำแนะนำเกษตรกรอย่างใกล้ชิด

กรมส่งเสริมการเกษตรขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างต่อเนื่อง และรายงานผลการปฏิบัติในระดับพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ “เตรียมพร้อมวันนี้ เพื่อลดผลกระทบในวันพรุ่งนี้”และขอให้เกษตรกรติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน









