รู้จัก “มะขามป้อมพันธุ์ กวก. ตรัง 1”

วัตถุประสงค์

เพื่อปรับปรุงพันธุ์มะขามป้อมให้มีผลขนาดใหญ่ น้ำหนักผลมากกว่า 25 กรัม สำหรับรับประทานสด และแปรรูป เหมาะสำหรับปลูกในภาคใต้

972382

ประวัติ

มะขามป้อมสายพันธุ์ KRI 55-02 คัดเลือกจากแปลงเกษตรกร ที่บ้านกรอกตารอด ตำบลหนองตากยา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ตามแผนการคัดเลือกสายต้น (clonal selection) โดยปี 2559 รวบรวม ต้นมะขามป้อมที่มีลักษณะดี เช่น ผลขนาดใหญ่ ติดผลดก และทวาย จากแหล่งปลูกต่างๆ 13 จังหวัด เบื้องต้นคัดเลือกไว้ 49 ต้น จากนั้น ปี 2560 ติดตามการให้ผลผลิตและคุณภาพของต้นคัดเลือก พร้อมนำมาขยายพันธุ์ด้วยการเสียบยอด พิจารณาความสามารถในการขยายพันธุ์และการเจริญเติบโต คัดเลือกสายพันธุ์ที่เจริญเติบโตดีสม่ำเสมอ ผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักผลมากกว่า 25 กรัม และให้ผลผลิตสูง ไว้ 9 สายพันธุ์ ได้แก่      KRI 55-02, KRI 58-05, KRI 59-02, KRI 59-03, KRI 59-04, KRI 59-09, KRI 59-06, RBR 59-01 และ NST 59-01 จากนั้นนำมาปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์แอปเปิลอนุชา วางแผนการทดลองแบบบล็อกสุ่มสมบูรณ์ จำนวน 3 ซ้ำ ระหว่างปี 2561-2565 ที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง พบว่า สายพันธุ์ KRI 55-02 เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 2.5 ปี ให้ผลมีขนาดใหญ่ ผลผลิตสูงและเมื่อนำมาแปรรูปแบบแช่อิ่ม เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องให้ความพึงพอใจสูง จึงขอรับรองเป็นพันธุ์แนะนำ มะขามป้อม พันธุ์ กวก. ตรัง 1 

972383

ลักษณะประจำพันธุ์

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 8-20 เมตร ใบแบบขนนก เรียงตัวหนาแน่นตามกิ่งก้าน ปลายใบมน โคนใบรูปหัวใจเบี้ยว ขอบใบเรียบ ดอกมีขนาดเล็กแยกเพศตามกิ่งก้าน ผลรูปทรงท้อ ผิวเกลี้ยง ผลสดผิวสีเขียวอ่อน เนื้อกรอบ รสเปรี้ยว ความฝาดน้อย ไม่มีเส้นใย และวิตามินซีสูง เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง สีน้ำตาล มีสันตามยาว 6 สัน ภายในมี 6 เมล็ด

972384

ลักษณะเด่น

 1. ให้ผลผลิตเร็ว (อายุ 2.5 ปี)

2. ผลผลิตสูงกว่า 41 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี (อายุ 4 ปีหลังปลูก)

3. ผลขนาดใหญ่ น้ำหนักผลสดมากกว่า 33 กรัม

4. น้ำหนักเนื้อสดมากกว่า 30 กรัม

5. มีวิตามินซีสูง (9.09 มิลลิกรัม)

972385

พื้นที่แนะนำ

ปลูกได้ทุกจังหวัดในภาคใต้ ในดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ อุณหภูมิ 27-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 50-80 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณน้ำฝน 1,100–2,000 มิลลิเมตรต่อปี

972386

ข้อควรระวังและข้อจำกัด

1. ควรมีการค้ำกิ่งหรือสร้างคอกไม้และมีการตัดแต่งกิ่งหลังการเก็บเกี่ยวทุกครั้ง เพื่อป้องกันต้นโค่นล้มและกิ่งหัก

2. กำจัดวัชพืชรอบโคนต้นอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันหนอนเจาะลำต้นหรือหนอนกินเปลือกเข้าทำลาย

3. หลีกเลี่ยงการปลูกในพื้นที่น้ำท่วมขัง

972387