
“เผือกหอมบ้านหมอ” (Ban Mo Taro หรือ Phueak Hom Ban Mo) หมายถึง เผือกหอมชนิดหัวใหญ่ สายพันธุ์เผือกหอมเชียงใหม่หรือเผือกหอมพิจิตร เนื้อเผือกมีสีขาวอมม่วงอ่อน มีเส้นใยสีม่วงกระจายทั่วหัว เมื่อผ่านความร้อนเนื้อเผือกจะร่วนซุย และมีกลิ่นหอมกว่าเผือกหอมทั่วไป ปลูกและผลิตครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดสระบุรี ได้แก่ อำเภอบ้านหมอ อำเภอดอนพุด และอำเภอหนองโดน ทั้งนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ( GI ) ” เผือกหอมบ้านหมอ” เมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2565

อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เป็นแหล่งปลูกเผือกหอมมานานกว่า 70 ปี เดิมชาวบ้านปลูกข้าวและแตงโมเป็นอาชีพหลัก แต่เมื่อแตงโมเกิดโรคระบาด ชาวบ้านจึงได้ทดดลองหาพืชชนิดอื่นมาปลูก และมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ทดลองนำเผือกหอมมาปลูก แล้วได้ผลผลิตดีและที่สำคัญมีกลิ่นหอมมากกว่าแหล่งที่นำพันธุ์มาปลูก ชาวบ้านจึงหันมาปลูกเผือกกันมากขึ้นและขยายพื้นที่ไปยังอำเภอหนองโดนและอำเภอดอนพุด ซึ่งมีภูมิศาสตร์แบบเดียวกัน ทำให้เผือกหอมของที่นี่เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยม ด้วยความหอมที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่าเผือกหอมจากที่อื่นๆจึงทำให้ผู้คนเรียกเผือกหอมของที่นี่กันจนติดปากว่า”เผือกหอมบ้านหมอ” และชาวบ้านยังคงยึดอาชีพปลูกเผือกเสริมสลับกับการทำนามาจนถึงปัจจุบัน

อำเภอบ้านหมอจึงเป็นแหล่งปลูกเผือกหอมคุณภาพดี ด้วยความมีชื่อเสียงของเผือกหอมบ้านหมอประกอบกับเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อของพื้นที่ จึงมีการจัดงาน “เทศกาลผักหวานป่า ทุ่งนาเผือกหอม” มาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่กล่าวขานโด่งดังไปทั่วทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนนำมาตั้งเป็นคำขวัญของอำเภอว่า “เผือกหัวใหญ่ ไร่ผักหวาน มันแกวรสดี มีโรงงานย่านอุตสาหกรรม ถิ่นนกน้ำทะเลเทียม”

ด้วยความที่ “เผือกหอมบ้านหมอ” เป็นเผือกหอมที่มีคุณภาพดีจนได้ชื่อว่าดีที่สุดในประเทศ ทำให้บริษัทแปรรูปอาหารระดับประเทศเลือกใช้เผือกหอมบ้านหมอเป็นวัตถุดิบเพียงแห่งเดียวในการผลิต และด้วยคุณภาพและคุณลักษณะพิเศษดังกล่าวทำให้เผือกหอมบ้านหมอเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้พื้นที่การปลูกและผลิต เผือกหอมบ้านหมอ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดสระบุรี ได้แก่ . อำเภอบ้านหมอ อำเภอดอนพุด และอำเภอหนองโดน
.

วันนี้ เรื่องเล่าข่าวเกษตรจะเจาะไปที่อำเภอบ้านหมอ สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านหมอ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีเกษตรทำนาเผือก 292 ราย มีพื้นที่ประมาณ 3,200 ไร่ สนง.เข้าไปดูแลและส่งเสริมมาตั้งแต่การจัดตั้งกลุ่มจนสนับสนุนให้ได้รับงบประมาณของแปลงใหญ่ยกระดับ (งบ 3 ล้าน) ได้อาคารคัดแยกผลผลิต รถแทร็กเตอร์โดรนสองลำและส่งเสริมในเรื่องของการผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าใช้ในแปลงปลูกเผือกเนื่องจากในพื้นที่ของอำเภอบ้านหมอมีการปลูกเผือกจำนวนมากและมีโรคระบาดทำให้เกษตรกรไม่สามารถผลิตเผือกได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาสองปี
.

การใช้ไตรโคเดอร์ม่าจึงตอบโจทย์ของเกษตรกรในเรื่อง การป้องกันกำจัดเชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตากบ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกเผือกสามารถปลูกเผือกได้ต่อเนื่องทุกปีและลดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารกำจัดเชื้อรา อีกทั้งยังสนับสนุนในเรื่องของป้ายองค์ความรู้ต่างๆมีส่วนช่วยในการผลักดันให้เกษตรกรเป็นเกษตรกรต้นแบบมีเกษตรกรต่างพื้นที่ต่างจังหวัดเข้ามาศึกษาดูงานเป็นจำนวนมากรวมถึงบริษัทต่างๆด้วย







