บนพื้นที่เนินลาดในอำเภอเมืองแพร่
ผมได้เจอกับชายวัย 68 ปี ผู้มีแววตาที่นิ่ง มั่นคง และอบอุ่น
เขาชื่อ “สว่าง สีตื้อ”
เกษตรกรผู้เปลี่ยนพื้นที่เล็ก ๆ เพียง 1 ไร่
ให้กลายเป็นแปลงปลูกและขยายพันธุ์ “พืชห้อม”
พร้อมแปรรูปเป็น “เนื้อห้อม” ที่สร้างรายได้และคุณค่าทางวัฒนธรรมให้ชุมชน
จากสวนกาแฟ…สู่สวนพืชห้อม
ย้อนไปเมื่อกว่า 30 ปีก่อน (พ.ศ. 2525–2555)
คุณสว่าง เคยปลูกกาแฟและซาโยเต้ (มะระหวาน หรือฝักแม้ว)เพื่อขายยอดอ่อนในตลาดท้องถิ่น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป
เขาเริ่มมองเห็นโอกาสใหม่ “พืชห้อม”
พืชย้อมผ้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองแพร่
จึงปรับพื้นที่เล็ก ๆ ของตนเองให้กลายเป็นสวนผสมผสาน ปลูกห้อมควบคู่กับพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น
ทุเรียน ลางสาด ลองกอง มังคุด เงาะ กาแฟ เสาวรส อะโวคาโด และมะพร้าว
โมเดลพืชผสมผสาน สร้างรายได้ยั่งยืน
ระหว่างปี 2563–2566
คุณสว่างมีรายได้สุทธิเฉลี่ยกว่า 110,000 บาทต่อไร่ต่อปีโดยลงทุนเพียงปีละ 60,000–68,000 บาท
แต่สามารถสร้างรายได้กลับมามากกว่าสองเท่า
ระบบการผลิตของเขาไม่เร่งรีบ
แต่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและสมดุล
ปลูก เก็บผลผลิต แปรรูป และกลับมาปลูกใหม่
“ปลูกให้ดินได้พัก…แล้วดินก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับมา”
เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ
เกษตรกรผู้ยึดหลักพอเพียง
สิ่งที่ทำให้คุณสว่างเป็นแบบอย่าง
ไม่ใช่เพียงรายได้ที่มั่นคง
แต่คือ “วิถีชีวิตที่สมดุล”
ยึดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลัก
กระตือรือร้นในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ
ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้เกษตรกรรุ่นใหม่ในตำบลสวนเขื่อน
สุขภาพดีเพราะลงมือทำทุกวัน
“สุขภาพแข็งแรง เพราะไม่เคยหยุดทำสวน”
คุณสว่างพูดด้วยรอยยิ้ม
มือของเขาเต็มไปด้วยรอยกร้าน แต่แววตาเต็มไปด้วยพลัง
เขาบอกว่า การปลูกพืชคือการออกกำลังกาย
การดูแลต้นไม้คือการดูแลใจ
และทุกวันในสวนคือ “ยาที่ดีที่สุดของชีวิต”
ข้อคิดจากเล็ก
การทำเกษตรปลอดภัย…
ไม่ใช่แค่เรื่องของผลผลิตที่ดีต่อคนกิน
แต่คือ “ความภูมิใจของคนปลูก”
สวนพืชห้อมของคุณสว่าง สีตื้อ
อาจมีเพียงหนึ่งไร่
แต่เปี่ยมไปด้วย “คุณค่า” ที่มากกว่าไร่นาไหน ๆ
นี่แหละครับ…
“เศรษฐีเกษตรเมืองแพร่” ที่ปลูกด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่ปลูกพืช





