
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาแหล่งน้ำ และการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของประชาชน พร้อมรับฟังข้อเสนอและปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างลงพื้นที่ว่า ในอดีต อ.แม่สาย เป็นเมืองที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะปัญหาสภาพอากาศ เช่น กลางปีนี้เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่แม่สาย ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และภาคการเกษตรอย่างหนัก ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวตนได้ระดมสรรพกำลังเข้ามาช่วยฟื้นฟูพื้นที่ พร้อมกำชับให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำถาวรสำหรับการทำการเกษตร โดยขณะนี้ขั้นตอนการศึกษา EIA เสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ระหว่างการออกแบบ จึงได้สั่งการให้เร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถขอมติจากที่ประชุม ครม.และบรรจุโครงการในงบประมาณปี 2570 ได้ทัน

ร.อ.ธรรมนัส ยังระบุว่า การแก้ปัญหาภาคการเกษตรต้องมองทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ไม่ใช่เพียงการเพิ่มผลผลิตเท่านั้น แต่ต้องเชื่อมโยงไปถึงการแปรรูป การตลาด และที่สำคัญคือแหล่งเงินทุน ซึ่งควรเป็นธนาคารของภาคประชาชน เพื่อช่วยให้คนรากหญ้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรม ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์แบบที่เป็นอยู่ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ดูแลเกษตรกรกว่า 30 ล้านคนทั่วประเทศ ขณะที่ด้านที่อยู่อาศัยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ดูแลอยู่แล้ว แต่การดำรงชีวิตของคนรากหญ้ายังไม่มีสถาบันใดดูแลอย่างแท้จริง

“ผมได้หารือเรื่องนี้กับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม เพื่อผลักดันให้ธนาคารของประชาชนเกิดขึ้นให้ได้ เพราะอาจารย์แหม่มเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านการเงินเป็นอย่างมาก และผมมองว่า การพัฒนาประเทศจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนไทยฐานรากมีความมั่นคง และสามารถพึ่งพาตนเองได้” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวย้ำว่า ปัญหาของแม่สายและพื้นที่จังหวัดเชียงรายสามารถแก้ไขได้ หากทุกหน่วยงานเดินไปในทิศทางเดียวกัน และร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานอย่างจริงจังและรวดเร็ว โดยตนจะติดตามความคืบหน้าของปัญหาต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงรายอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเผชิญกับปัญหาเดิมซ้ำอีกในอนาคต พร้อมยืนยันว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่การหาเสียง แต่เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข และแม้สภาจะถูกยุบแล้ว ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด

“ผมเป็นคนภาคเหนือโดยกำเนิด เติบโตมาจากครอบครัวชาวนา วันนี้มีโอกาสได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ จึงอยากเห็นคนล้านนาของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่การพัฒนาไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาและขับเคลื่อนพื้นที่ไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมเชื่อมั่นว่าศักยภาพของอำเภอแม่สายและจังหวัดเชียงราย หากได้รับการสนับสนุนอย่างถูกทิศทาง จะสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว







