
นางรุ่งลาวัลย์ เบ้าคำ อายุ ๔๘ ปี อาชีพไร่นาสวนผสม ที่อยู่ บ้านเลขที่ ๗ หมู่ที่ ๘ ตำบลคลองทับจันทร์ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
การศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาบัญชี

ผลงานดีเด่น
ความคิดริเริ่ม และความพยายามฟันฝ่า อุปสรรคในการสร้างผลงาน
แนวคิด / คติประจำใจ
“ทุกครั้งที่จะทำอะไร จงสนุกกับสิ่งที่ทำ และอย่ากลัวในสิ่งที่ไม่เคยทำ เพราะมันอาจพาเราไปสู่ความสำเร็จ
ตามที่เราต้องการก็ได้”

ความคิดริเริ่ม
๑. ลาออกจากงานประจำ เพื่อมาดูแลบุตรและเริ่มต้นทำการเกษตรต่อจากมารดาที่เสียชีวิต โดยทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว แต่รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
๒. เริ่มเรียนรู้การเพาะเห็ด และได้ลงทุนเรียนรู้และขอรับคำปรึกษาวิธีการเพาะเห็ดจากผู้เชี่ยวชาญและดัดแปลงทำตู้นึ่งก้อนเห็ด ต่อมารวมกลุ่มกับชาวบ้านจำนวน ๒๖ คน จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะเห็ดและแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบ้านบีกริม

๓. จากเดิมที่เคยรับจ้างนำดอกบัวมากำขายมีแนวคิด ทำนาบัว โดยขอความรู้จากคนขายดอกบัวและปรับเปลี่ยนที่นามาทำนาบัว และเริ่มปลูกเตยหอมเพื่อส่งร้านค้าพร้อมกับดอกบัว
ความพยายามฟันฝ่าอุปสรรค
๑. การทำการเกษตรเชิงเดี่ยวทำให้เกิดภาระหนี้สินตั้งแต่รุ่นแม่ จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตร เป็นทำเกษตรแบบผสมผสาน จัดสรรพื้นที่ทำนาข้าว นาบัว เตยหอม ไม้ผล ผักสวนครัว เลี้ยงปลา เป็ดไล่ทุ่ง ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ หมู แปรรูปผลผลิตภายในฟาร์มเพื่อให้เกิดรายได้จากกิจกรรมทางการเกษตรที่หลากหลายทำให้สามารถปลดภาระหนี้สินได้

๒. ข้อจำกัดทางด้านแรงงานในครัวเรือน จึงวางแผนและคัดเลือกชนิดพืชที่ลงทุนปลูกเพียงครั้งเดียวและสามารถเก็บผลผลิตให้เกิดรายได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี โดยการศึกษาเรียนรู้การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ จากแหล่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ นำมาใช้พัฒนาการเกษตรของตนเอง
๑. การทำตู้นึ่งก้อนเชื้อเห็ดแบบชักรอก เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน นึ่งก้อนเชื้อเห็ดได้มากกว่าเดิม(จาก ๑,๒๐๐ ก้อน เป็น ๑,๕๐๐ ก้อน) ช่วยลดต้นทุนค่าแก๊สหุงต้มในการนึ่งก้อนเชื้อเห็ดและลดการใช้แรงงาน

๒. ออกแบบเครื่องมัดกำดอกบัว ช่วยให้สามารถทำงานได้สะดวกขึ้น
๓. ออกแบบเครื่องขอดเกล็ดปลา ช่วยลดระยะเวลาและแรงงาน

การนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
๑. โรงเพาะเห็ดอัจฉริยะ ควบคุมระบบไฟฟ้าระบบพ่นหมอก ระบบพัดลมด้วยเซนเซอร์ ในโรงเรือนเพาะเห็ด ช่วยให้การเพาะเห็ด ประหยัดเวลาและแรงงานในการดูแลอุณหภูมิและความชื้น
๒. การทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักสูตรต่าง ๆ จากวัสดุเหลือใช้ภายในฟาร์ม

๓. พื้นที่อยู่นอกเขตชลประทาน จึงได้ติดตั้งระบบสูบน้ำบาดาลจากพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้ระบบน้ำหยดกับพืชภายในฟาร์ม เป็นการประหยัดน้ำและให้น้ำได้ตรงความต้องการของพืช
ผลงานและความสำเร็จของผลงานทั้งปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนระยะเวลาที่ปฏิบัติงานและความยั่งยืนในอาชีพ
สภาพทั่วไปของฟาร์ม
พื้นที่ทำการเกษตร จำนวน ๑๙ ไร่ ๕๙ ตารางวา มีเอกสารสิทธิ์โฉนดเป็นของตนเอง มีกิจกรรมการดำเนินงาน ดังนี้
๑. ที่อยู่อาศัย
๒. นาบัว จำนวน ๓ ไร่
๓. นาเตย จำนวน ๒ งาน
๔. นาข้าว จำนวน ๘ ไร่
๕. ไม้ผลไม้ยืนต้น จำานวน ๖ ไร่ ข้าวโพดข้าวเหนียว จำนวน ๑ ไร่
๖. เลี้ยงสัตว์ (ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ เป็ดไล่ทุ่ง หมู ปลา)
๗. โรงเรือนอัดก้อน และโรงเรือนเปิดดอกเห็ด

กิจกรรมที่ดำเนินการ
๑. ด้านพืช ประกอบด้วย นาข้าว นาบัว นาเตย พืชผักสวนครัว เพาะเห็ด ไม้ผล ได้แก่ มะม่วง ฝรั่ง มะพร้าว กล้วย ข้าวโพด ข้าวเหนียว
๒. ด้านประมง เลี้ยงปลาน้ำจืด ได้แก่ ปลานิล ปลาสลิด ปลาตะเพียน
๓. ด้านปศุสัตว์ ประกอบด้วย เป็ดไล่ทุ่ง ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ หมู
๔. ด้านแปรรูปเพิ่มมูลค่า ข้าวเกรียบเห็ด แหนมเห็ด ปลาส้ม ปลาแดดเดียว ไข่เค็ม และขนมจากกล้วย

การจัดการ
๑. วางแผนการจัดการแปลงผสมผสาน ทั้งปลูกเชิงเดี่ยว และทำกิจกรรมร่วมที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน เช่น พืชกับพืช พืชกับสัตว์
๒. เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งเพื่อกำจัดหอยเชอรี่ในนาบัว
๓. มีการจดบันทึกการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในฟาร์ม
๔. มีการจัดทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีฟาร์มโดยแยกเป็นบัญชีรายพืช สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ผลผลิตว่ามีตลาดอยู่ที่ไหน กลุ่มลูกค้าเป็นใคร รู้ต้นทุนการผลิต แนวโน้มราคาผลผลิต และนำมาประกอบการวางแผนการผลิต การแปรรูปสินค้าได้

๕. การจัดการผลผลิตและการจำหน่าย จำหน่ายผลผลิตและสินค้าให้กับพ่อค้าในชุมชน สมาชิกในชุมชนจำหน่ายเอง และออกร้านกับหน่วยงานราชการและเอกชนรวมถึงประชาสัมพันธ์ Facebook
๖. ใช้แรงงานในครัวเรือน จำานวน ๓ คน ในการบริหารจัดการกิจกรรมภายในฟาร์ม
๗. ระยะเวลาที่ให้ผลผลิตและผลตอบแทน

ผลตอบแทน (ข้อมูลย้อนหลังปี ๒๕๖๔ – ๒๕๖๖)
ผลตอบแทนเฉลี่ย ๗๗๑,๕๐๘ บาทต่อปี หรือ ๒๖,๖๐๔ บาทต่อไร่ต่อปี

ด้านความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ
๑. มีการทำกิจกรรมเกษตรผสมผสานมาอย่างต่อเนื่องกว่า ๗ ปี ได้ลองผิดลองถูกจนประสบความสำเร็จและเห็นว่าการทำการเกษตรแบบผสมผสานสามารถ สร้างรายได้ ลดความเสี่ยงด้านปริมาณผลผลิต ความผันผวนของราคา และสร้างระบบการผลิตที่ยั่งยืนในระยะยาว
๒. มีแผนการพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร ได้แก่ การวางแผนขอรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร วางแผนพัฒนาฟาร์มให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรควบคู่กับการเป็นแหล่งเรียนรู้วางแผนพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยเน้นผลิตภัณฑ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทางออนไลน์ให้มากขึ้น
ความเป็นผู้นำและการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในด้านต่าง ๆ
๑. ประธานศูนย์เรียนรู้เครือข่าย ศพก. ด้านศูนย์เรียนรู้ไร่นาสวนผสม ให้บริการและเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรของชุมชน
๒. ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะเห็ดและแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบ้านบีกริม
๓. เป็น Smart Farmer ต้นแบบ สาขาเกษตรผสมผสาน
๔. ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ปลาตะเพียน อรัญประเทศ
๕. เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้เรื่องการเพาะเห็ด
๖. อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ประสานการทำงานตามภารกิจของหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๗. อาสาสมัครฝนหลวง ประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับภารกิจของการทำาฝนหลวง
๘. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
๙. ประธานสตรีหมู่บ้านบีกริม
๑๐. กรรมการสหกรณ์ศุภนิมิตอรัญประเทศร่วมใจพัฒนา จำกัด
๑๑. จิตอาสาบริการตกแต่งผ้าประดับ ในสถานที่จัดงานต่าง ๆ
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๑. ทำนาแบบปลอดสารพิษ ปรับปรุงบำรุงดินด้วยการใช้โดโลไมท์ ปุ๋ยอินทรีย์ ไถกลบตอซัง ปลูกปอเทือง ควบคุมศัตรูพืชด้วยวิธีกลและชีววิธี ใช้ไตรโคเดอร์มาเพื่อควบคุมโรคจากเชื้อรา เช่น โรคราน้ำค้าง โรคเมล็ดด่าง
๒. มีการปรับปรุงบำรุงดิน เพิ่มอินทรียวัตถุ และรักษาจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ไว้ในดิน การใช้ปุ๋ยพืชสด การใช้เศษวัสดุเกษตรคลุมดิน
๓. มีการบำบัดของเสียของเหลือใช้จากฟาร์มและครัวเรือนเป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยน้ำหมัก น้ำหมักไล่แมลงศัตรูพืช น้ำหมักบำบัดกลิ่นจากคอกเลี้ยงสัตว์
๔. หลังจากทำนาจะไถกลบตอซังและปลูกพืชปุ๋ยสด นำรำข้าวและแกลบมาใช้เป็นอาหารสัตว์
๕. นำมูลสัตว์มาทำปุ๋ยหมักแล้วนำไปใช้ในการปลูกพืช ทำความสะอาดคอกหมูทุกวัน น้ำที่ใช้ทำความสะอาดจะไหลลงสู่นาบัว เป็นการให้ธาตุอาหารแก่นาบัวและเตย
๖. นำน้ำจากบ่อเลี้ยงปลาและนาบัว ไปใช้ในบริเวณแปลงปลูกพืช
๗. นำก้อนเชื้อเห็ดเก่ามาผสมทำก้อนเชื้อเห็ดใหม่ ส่วนที่เหลือทิ้งนำไปทำปุ๋ยหมัก เพื่อนำไปใช้ในการปลูกพืชในแปลง




