กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์( GI ) ” เหล้าแป้ ” ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันยื่นคำขอขึ้นทะเบียนวันที่ 9 กันยายน 2567

“เหล้าแป้” หรือ Phare Spirit หรือ Lao Pae เป็นสุรากลั่น ประเภทสุราขาว ที่กลั่นจากน้ำส่า (น้ำสุราแช่)ซึ่งได้จากการหมักข้าวด้วยลูกแป้ง ผ่านกระบวนการหมักและกระตุ้นให้เกิดแอลกอฮอล์โดยการเติมน้ำเพื่อกระตุ้นจุลินทรีย์ หรือเรียกว่าการผ่าน้ำ แล้วนำมากลั่นเป็นสุรา มีรสชาติเผ็ดร้อน หรือนุ่มละมุน มีความใส ไม่มีสี ไม่มีตะกอน มีกลิ่นหอมจากวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิต มีความแรงแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 15 ดีกรีขึ้นไปผลิตในพื้นที่จังหวัดแพร่
ประวัติความเป็นมา
ประชาชนส่วนใหญ่ในจังหวัดแพร่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกข้าว และมีการทำธุรกิจอื่น ๆ เช่น ไม้ ยาสูบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจ คือ การผลิต “สุราพื้นบ้าน” หรือในท้องถิ่น มักเรียกว่า “เหล้าป่า” หรือ “เหล้าเถื่อน” โดยในอดีตการผลิตสุราพื้นบ้านต้องผลิตในพื้นที่ป่าลึกหรือพื้นที่รกร้าง เนื่องจากเป็นสินค้าผิดกฎหมาย อีกทั้งเป็นสินค้าที่ผลิตในจังหวัดแพร่ จึงเรียกอีกชื่อว่า “เหล้าแป้” (คำว่า แป้ เป็นภาษาถิ่น หมายถึง จังหวัดแพร่) ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาช้านาน
ในระยะแรกเป็นการผลิตเพื่อการบริโภค และในโอกาสพบปะสังสรรค์ในชีวิตประจำวัน หลักฐานที่ปรากฏมักอยู่ในรูปแบบของตำนานท้องถิ่น เช่น “ตำนานมูลละเหล้า” ได้กล่าวถึงกำเนิดของ “สุรา” หรือ “เหล้า” ว่า มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยและคนล้านนามาหลายชั่วอายุคน เป็นต้น ส่วนมากพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การเลี้ยงผี การยกครู เป็นต้น เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีกรรม จนกลายเป็นวลีติดปากว่า “เหล้าไห ไก่คู่” ซึ่งถูกระบุไว้ในโคลงเรื่องอุสสาบารสของล้านนา มีอายุมากกว่า 500 ปี โดยส่วนผสมที่เป็นวัตถุดิบหลัก ได้แก่ ลูกแป้ง เป็นภูมิปัญญาการผสมสานสมุนไพรท้องถิ่นหลายชนิด เช่น เจตมูลเพลิงแดง(ปิดปิวแดง) สะค้าน (จะค้าน) ดีปลี พริก ข่า เป็นต้น และสมุนไพรอื่น ๆ เป็นหัวเชื้อในการผลิต รวมทั้งกระบวนการผลิตตั้งแต่การนึ่งข้าว การหมักข้าว และการกลั่น ที่ทำให้ได้สุราที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น เป็นที่นิยมของผู้บริโภคสุราพื้นบ้านทั่วประเทศ จนมีประโยคที่ว่า “เหล้าที่ดีที่สุด เหล้าแป้” เหล้าแป้ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างผู้ผลิตเหล้าแป้ เจ้าหน้าที่สรรพสามิตและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากการผลิตเหล้าป่าหรือเหล้าเถื่อนในขณะนั้น ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ต่อมาพ.ศ. 2535 เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการกวาดล้างผู้กระทำความผิด ตั้งด่านสกัดกั้นการขนสุราที่ผิดกฎหมาย และมีเหตุการณ์ปะทะกันบ่อยครั้ง จากนโยบายการปราบปรามอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ดี ในภายหลังรัฐบาลเริ่มปรับกลยุทธ์การปราบปรามมาสู่การเจรจา ทำความเข้าใจ และร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ต่อมารัฐบาลได้เปลี่ยนนโยบายจากการปราบปรามเพียงอย่างเดียว มาเป็นการส่งเสริมอาชีพสุจริตทดแทนให้แก่ประชาชนเพื่อชดเชยรายได้ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบนโยบายการเปิดเสรีการผลิตและจำหน่ายสุราในประเทศ และในปี พ.ศ. 2544 รัฐบาลก็ได้มีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยอนุญาตให้ผู้ผลิตรายย่อยทำการผลิตและจำหน่ายสุราพื้นบ้านประเภทสุราแช่และสุรากลั่นชุมชนอย่างเสรีมากขึ้น ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องวิธีการบริหารงานสุรา พ.ศ. 2546 (ฉบับที่ 4) และประกาศกรมสรรพสามิต เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการอนุญาตให้ทำสุรากลั่นชุมชน พ.ศ. 2546 ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถผลิตและจำหน่ายสุรากลั่นได้ รวมทั้งได้มีการผ่อนปรน กฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับกรอบและเงื่อนไขในการขอนุญาตผลิตและจำหน่ายสุรา จึงทำให้ประชาชนสามารถเข้าสู่ระบบการผลิตสุราได้มากขึ้น สุราชุมชน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่จังหวัดแพร่ ที่ได้รับการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน จึงกลายเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่สร้างรายได้ให้แก่คนในจังหวัดแพร่มาจนถึงปัจจุบัน
อ่านรายละเอียดประกาศขึ้นทะเบียน GI ” เหล้าแป้ ” ตามด้านล่างนี้











