
9 นโยบายหลักเดิม ที่จะเดินหน้าสานต่อ คือ
1. เน้นการสร้างวิธีการทำงานสู่การปฏิบัติ
2. เร่งรัดการจัดที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร
3. บริหารจัดการน้ำทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง และการเติมน้ำในเขื่อน
4. ยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง
5. ยกระดับศักยภาพของเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็ง
6. จัดการทรัพยากรทางการเกษตร
7. รับมือกับภัยธรรมชาติ
8. สานต่อการทำสงครามสินค้าเกษตรเถื่อนอย่างต่อเนื่อง
9. อำนวยความสะดวกด้านการเกษตร
มาตรการเพิ่มเติมเพื่อ “ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเสริมแกร่งเกษตรกร” ดังนี้
1. การลดต้นทุน เพิ่มรายได้
1) การจัดหาพันธุ์ดี สนับสนุนพันธุ์พืช ประมง และปศุสัตว์คุณภาพได้มาตรฐานที่ ตลาดต้องการ ไม่เน้นความหลากหลาย แต่เน้นคุณภาพที่เกษตรกรสามารถผลิตและขายได้ในราคาที่ดี
2) ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรฯ จะกำกับดูแลในมิติของการแปรรูปขั้นต้น รวมถึงการบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อน
3) บริหารจัดการด้านการตลาดสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรฯ จะดูแลทั้งระบบตั้งแต่ข้อมูลการผลิต การส่งเสริมการผลิต การแปรรูป และการตลาด โดยส่งเสริมให้เกษตรกรหาตลาดได้ด้วยตนเอง สนับสนุนการสร้างแบรนด์ชุมชน และสร้างเรื่องราว (Story telling) ของสินค้าเกษตรในชุมชน องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรจะต้องปรับตัวเป็นตลาดรองรับผลผลิต ช่วยเกษตรกรผลิตได้ ขายเป็น ลดการพึ่งพาจากพ่อค้าคนกลาง
2. เสริมแกร่งเกษตรกรให้สามารถแข่งขันได้
1) ผลักดันเรื่องการสร้างโอกาสขยายระยะเวลาการชำระหนี้ของเกษตรกร และสร้างวินัยทางการเงินเพื่อบรรเทาภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสให้เกษตรกรมีเงินลงทุนทำการเกษตรในระยะต่อไป
2) สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเกษตรกร ใช้กลไกต่างๆ เช่น กองทุน ประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารพาณิชย์อื่นที่มีความพร้อม รวมถึงความร่วมมือของภาคเอกชน มาสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเกษตรกรในรูปแบบ Soft Loan
3) ปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยให้เป็นปัจจุบัน เพื่อลดขั้นตอนและกระบวนการที่เป็นอุปสรรค รวมถึงการสร้างมาตรฐานสินค้าเกษตรไทยให้เข้มแข็ง และป้องกันสินค้าเกษตรที่ทะลักเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยให้ทุกหน่วยงานทบทวนและปรับปรุงกฎหมายกฎหมายที่ใช้อยู่ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางแก้ไขพร้อม Timeline ที่ชัดเจนเพื่อผลักดันให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม





