“ปลานวลจันทร์” เลี้ยงง่าย ใช้ต้นทุนต่ำ

“ปลานวลจันทร์” หรือ “ปลานวลจันทร์ทะเล” ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นปลาชนิดเดียวกัน หากแต่เลี้ยงและเติบโตในสภาพน้ำที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เพราะเป็นปลาที่อาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำเค็ม น้ำกร่อย รวมทั้งน้ำจืดด้วย ทำให้มีชื่อเรียกที่ต่างกันนั่นเอง

630900000040

ลักษณะทั่วไปของปลาชนิดนี้ มีรูปร่างเพรียวยาว เกล็ดเล็กละเอียดสีเงินแวววาว ครีบหางเว้าลึก ส่วนครีบท้องและครีบหลังเล็ก มีความปราดเปรียวว่องไว ตกใจง่าย โดยทั่วไปสามารถพบได้ตามชายฝั่งทะเลแถบอบอุ่นทั่วโลก ซึ่งมักอยู่รวมกันเป็นฝูง กินอาหารจำพวกพืช สาหร่ายทะเล แพลงตอน และสัตว์ชนิดเล็ก ๆ เมื่อโตเต็มวัย มีความยาวประมาณ 1.5-2 เมตร หรือมีน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม ในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จีน เวียดนามและไต้หวัน นิยมเลี้ยงปลานวลจันทร์กันในเชิงพาณิชย์ สำหรับประเทศไทยถือว่าเป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง

661595

ปลานวลจันทร์พบได้ในเขตมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก รวมไปถึงชายฝั่งทะเลที่มีอุณหภูมิของน้ำประมาณ 10 ถึง 40 องศาเซลเซียสและจะพบได้มากในบริเวณที่มีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน สำหรับในบ้านเราแล้วพบปลานวลจันทร์ครั้งแรกบริเวณบ้านคลองวาฬจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ปลาพันธุ์นี้จะเข้าสู่ภาวะเจริญพันธุ์เมื่อมีอายุครบ 5 ปีหรือมีความยาวประมาณ 100 เซนติเมตรโดยปลานวลจันทร์เพศเมียสามารถให้ไข่ได้ประมาณ 1,000,000 ฟองสำหรับแม่ปลาที่มีน้ำหนักตัว 5 กิโลกรัมขึ้นไป โดยจะเริ่มพัฒนาระบบการสืบพันธุ์ในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม และเริ่มวางไข่ในเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนความพร้อมของปลาที่จะผสมพันธุ์สามารถสังเกตได้จากขนาดของช่องท้องตัวเมียอย่างเห็นได้ชัด ส่วนปลาตัวผู้จะมีน้ำเชื้อสีขาวขุ่นไหลหากรีดเบาๆบริเวณท้อง

ปลานวลจันทร์ทะเลมีพฤติกรรมการผสมพันธุ์ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ไข่ปลามีลักษณะกลมใสเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 2.5 มิลลิเมตร มีสีเหลืองอ่อนส่วนใหญ่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ส่วนไข่ที่เสียมีลักษณะขุ่นและจมลงสู่ก้นถัง ไข่ที่ไม่ได้รับการผสมจะมีลักษณะโปร่งใสไม่มีการพัฒนาการของตัวอ่อนภายในไข่ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วบางส่วนจะจมลงก้นบ่อ แต่ไข่ที่มีคุณภาพดีส่วนใหญ่จะลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ ให้เราทำการรวบรวมไข่ในช่วงเช้า นำไข่มาล้างให้สะอาดกรองด้วยผ้ากรองขนาดช่องตาแตกต่างกันไปเพื่อแยกสิ่งสกปรกออกจากไข่ แล้วจึงนำไข่ที่สะอาดไปฟักในถังกลมที่มีความจุประมาณ 200 ลิตรแล้วให้ตีฟองอากาศเบาๆ แค่นี้ก็จะได้ลูกปลามาเพื่ออนุบาลและดูแลต่อ รอเวลานำออกขายและขยายพันธุ์ต่อไปได้

สำหรับผู้ที่สนใจจะเลี้ยงเป็นปลาเนื้อเพื่อจำหน่าย ไม่แนะนำให้เลี้ยงในบ่อปูนเพราะปลานวลจันทร์จะเจริญเติบโตช้า แนะนำให้เลี้ยงในบ่อดิน ซึ่งเจริญเติบโตได้รวดเร็วกว่า สามารถเลี้ยงร่วมกับกุ้งได้ เพราะเป็นปลาที่กินพืช กินสาหร่าย และสารอินทรีย์ที่อยู่ในบ่อดิน เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย อยู่ได้ในน้ำจืดโดยไม่จำเป็นต้องเลี้ยงในน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม ที่สำคัญใช้เงินทุนไม่มาก ลูกปลานวลจันทร์ตัวหนึ่งจำหน่ายอยู่ในราคา ตัวละ 1.20 บาท เท่านั้น

ที่สำคัญมีอัตราการรอดสูง ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ หากเลี้ยงในบ่อดินขนาด 1 ไร่ สามารถเลี้ยงปลานวลจันทร์ได้ราว 3,000-5,000 ตัว แต่ก่อนที่จะลงเลี้ยงลูกปลาจะต้องทำอาหารธรรมชาติก่อน คือ อาจจะใช้เป็นมูลไก่ วัว หรือเศษฟางข้าว นำไปใส่ไว้ในบ่อ เพื่อให้เกิดแพลงตอนพืชและสาหร่าย เมื่อนำลูกปลาไปลง ลูกปลาก็จะได้กินอาหารในธรรมชาติ เมื่อปลาโตได้ 3 เดือน จึงปรับอาหารให้เป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับปลากินพืชต่อไป อาจจะใช้เป็นอาหารเม็ดที่ใช้เลี้ยงปลาตะเพียนก็ได้ โดย 1 กระสอบราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท ส่วนระยะเวลาในการเลี้ยงปลานวลจันทร์จะใช้เวลาเลี้ยงราว 8 เดือน ถึง 1 ปี ระหว่างการเลี้ยงปลานั้นควรมีการตรวจคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ หากน้ำในบ่อเลี้ยงมีค่าแอมโมเนียสูงหรือน้ำมีสีเขียวจัดควรมีการถ่ายน้ำทิ้งและเติมน้ำใหม่เข้ามาในบ่อ

สำหรับวิธีการจับปลานวลจันทร์ขึ้นจากบ่อจะใช้อวนลากมารวมกันแล้วทำการคัดขนาดตัวปลา หากขนาดน้ำหนักตัวต่ำกว่า 6 ขีด จะปล่อยเลี้ยงต่อจนกว่าจะได้ขนาดประมาณ 1 กิโลกรัม เนื่องจากเป็นช่วงที่เหมาะสมในการจับปลานวลจันทร์เพื่อจำหน่ายสำหรับบริโภคและนำแปรรูป เพราะจะได้ที่เนื้อที่มีความมัน แต่ยังคงความนุ่ม เนื้อไม่เหลว ที่สำคัญมีความแน่นและหนึบ รสชาติดี ส่วนราคาจะขายตามขนาด โดยขนาดเล็ก 5-6 ขีด อยู่ที่ตัวละประมาณ 55 บาท หากโตขึ้นมาหน่อย 7-9 ขีด ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดนิยมรับซื้อกัน ราคาจะอยู่ที่ตัวละ 75-80 บาท การจับจะค่อย ๆ ทยอยจับตามความต้องการของตลาดหรือผู้รับซื้อไม่ใช่การคว่ำบ่อ ทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังลดความเสี่ยงเรื่องของราคาจากปัญหาสินค้าล้นตลาดด้วย