วิสาหกิจชุมชนสวนไผ่มีสุข แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรคาร์บอนต่ำ ใช้นวัตกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ตลอดปี

1 4

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรกำหนดนโยบายการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการเกษตรของไทย โดยการนำทรัพยากรทางการเกษตร วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาผสมผสานกับกิจกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งให้ประโยชน์อย่างมากในหลายด้าน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและชุมชนเกษตรกรไม่ได้พึ่งพารายได้จากการขายผลผลิตอย่างเดียว แต่สามารถมีรายได้เสริมจากนักท่องเที่ยว เช่น ค่าเข้าชม ค่าอาหาร ที่พัก ของที่ระลึก ฯลฯ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิต การขายผลผลิตหรือแปรรูปภายในแหล่งท่องเที่ยว สามารถตั้งราคาสูงขึ้นเพราะมีประสบการณ์เชิงเรื่องราว (Storytelling) ร่วมด้วย ส่งเสริมการเรียนรู้และภูมิปัญญาให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ได้เรียนรู้วิถีเกษตรแบบไทย เช่น ปลูกข้าว ทอผ้า เลี้ยงสัตว์ ทำเกษตรอินทรีย์ ฯลฯ กระจายรายได้สู่ชนบท ลดความเหลื่อมล้ำ เพราะชุมชนชนบทสามารถสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งจากการท่องเที่ยว รวมทั้งช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและอนุรักษ์วิถีชีวิตเกษตรดั้งเดิม วิสาหกิจชุมชนสวนไผ่มีสุข จึงเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ประสบความสำเร็จในการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรคาร์บอนต่ำ ใช้นวัตกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ให้สมาชิกตลอดทั้งปี

2 5

นางสโรชา สุติภวัน เป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสวนไผ่มีสุข กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของเกษตรกรผู้ปลูกไผ่จำนวน 11 ราย และก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนไผ่มีสุข เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ตั้งอยู่ที่ตำบลกระแสบน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เดิมทีเป็นสวนยางพารา แต่ให้ผลผลิตไม่คุ้มค่า อีกทั้งยังประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง จึงมองหาพืชทางเลือกที่เหมาะสม จึงได้ศึกษาข้อมูลและเลือกปลูกไผ่แทนยางพารา เพราะไผ่เป็นไม้ที่ปลูกง่ายและโตเร็ว ปลูกได้ในทุกสภาพอากาศและดินทุกชนิด สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี และปล่อยก๊าซออกซิเจนจากกระบวนการสังเคราะห์แสง สร้างอากาศบริสุทธิ์ให้แก่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้า ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกสดชื่นเมื่อได้มาเที่ยวสวนไผ่ จึงได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบ Wellness ที่ผสานระหว่างการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เน้นการฟื้นฟูทั้งกายและใจผ่านกิจกรรมธรรมชาติบำบัด เรียนรู้กิจกรรมเกษตร ชิมอาหารปลอดสารพิษที่ผ่านการรังสรรค์เมนูต่าง ๆ ด้วยนวัตกรรมการแปรรูปอาหารและผลิตภัณฑ์จากทุกส่วนของไผ่ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มได้ทุกส่วน เช่น หน่อไม้สามารถนำมาบริโภคสดและทำเป็นส้มตำหน่อไม้สด หน่อไม้ต้ม หน่อไม้ดอง หน่อไม้อบแห้ง ใบไผ่สามารถนำมาแปรรูปเป็นใบไผ่อบแห้ง น้ำใบไผ่ชงร้อน น้ำใบไผ่เย็น วุ้นไผ่กรอบ ต้นไผ่สามารถแปรรูปเป็นถ่านดูดกลิ่น เครื่องจักรสาน ชิปไผ่ สบู่ถ่านไผ่ ขุยไผ่สามารถนำมาเป็นวัสดุปลูกเห็ดเยื่อไผ่ซึ่งสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง รากไผ่สามารถแปรรูปเป็นปุ๋ยรากไผ่ ฯลฯ

3 2

ทั้งนี้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนไผ่มีสุข ยังคงพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างต่อเนื่อง ได้พัฒนาอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มจากน้ำใบไผ่ โดยการนำนวัตกรรมสเฟียริฟิเคชั่น (Spherification) ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งของการทำอาหารแบบโมเลกุล่าแกสโตรโนมี (Molecular Gastronomy) จนเกิดเป็นใบไผ่คริสตัล ที่ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่ เกิดเป็น “นมนางยักษ์” และ “นมนางเงือก” เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสวนไผ่มีสุข อีกทั้งยังมี “สุขสำราญมิกซ์” เครื่องดื่มเมนูใหม่ พัฒนาต่อยอดมาจากการนำน้ำชาใบไผ่มาหมักด้วยจุลินทรีย์และยีสต์ เพื่อให้ได้ชาหมักที่เรียกว่าคอมบูชา (Kombucha) อุดมไปด้วยโปรไบโอติก (Probiotics) ที่ดีต่อสุขภาพ ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว เปิดให้บริการทุกวัน ติดต่อเยี่ยมชมได้ที่ Facebook สวนไผ่มีสุข

4 1
5 4
6 4
7 1
8 4