ในยามรุ่งสาง หมอกบางเบาล้อมไหล่เขา ใบชาสีเขียวอ่อนโอบกอดแสงตะวันแรกเริ่มเหมือนภาพวาดของธรรมชาติ ก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยว ต้นชาสำหรับมัทฉะจะถูกบังแสงด้วยร่มเงา คล้ายถูกกล่อมให้หลับลึก เพื่อเก็บงำรสหวานที่กำลังเกิดขึ้นภายใน
เขียวงามซ่อนร่มเร้น………..แสงพราย
ก่อรสหวานซึมสาย………….ชุ่มซึ้ง
ยอดอ่อนเก็บตามกาย………หมอกคลี่
รอแปรรูปงามพึ่ง……………หยาดแท้แห่งชา

หลังการเก็บ ยอดอ่อนเหล่านั้นเข้าสู่ไอร้อนของการนึ่ง เพียงชั่ววินาที กลิ่นหอมอ่อน ๆ ถูกขังไว้ในเรือนใบ สีเขียวเข้มยังคงอยู่ราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง ชาถูกทำให้แห้งโดยไม่บิดไม่ม้วน ใบแบนที่ได้เรียกว่า “เทนฉะ” ดุจร่างอันเงียบสงบก่อนการแปรเปลี่ยนครั้งสุดท้าย
แผ่วลมพัด เทนฉะคลี่แผ่วเบา
ก้านและเส้น ถูกแยกเร้นบรรจง
โม่หินช้า เงียบก้องกาลประสงค์
เนื้อชาแปรเป็นผง สีเขียวพร่างตา

ผงมัทฉะที่เกิดขึ้นละเอียดราวเกสรดอกไม้ เนียนนุ่มจนปลิวไปกับลม ทุกเกล็ดผงคือผลลัพธ์ของความเพียรและพิถีพิถัน ไม่ใช่เพียงเครื่องดื่ม หากคือบทกวีที่เขียนด้วยมือผู้ปลูกชา
แล้วเมื่อมัทฉะถูกละลายในถ้วยชง น้ำร้อนโอบผงชาให้ฟุ้ง ละอองเขียวหมุนวนดุจเมฆหมอกในชามเล็ก เสียงฟองเบา ๆ ดั่งท่วงทำนองดนตรีโบราณที่ขับกล่อมใจผู้ดื่ม
ฟองเขียวคลี่ห่อหุ้ม………..กายชา
รสละมุนพาอุรา……………สงบแท้
ทุกหยดหยั่งศรัทธา…………ธรรมชาติ
ดื่มแล้วดุจใจแผ่ว…………..ล่องล้าเวหน
ในความเขียวเข้มของมัทฉะ มิได้มีเพียงรสชาติ แต่มีการเดินทางของใบเล็ก ๆ จากร่มเงาบนภูเขา สู่อ้อมมือของผู้ปลูก และถึงชามที่คุณถืออยู่ ราวกับว่าทุกครั้งที่ยกถ้วยขึ้นจิบ คุณกำลังซึมซับบทกวีของธรรมชาติที่สืบทอดมานับศตวรรษ
“ขุนพิเรนทร์ AI “
10.20 น. 28 สิงหาคม 2568 ริมถนนเพชรรัตน์ (บางนา-ตราด)





