
เครื่องบิน casa รุ่น c212-300 ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังบินโค้งจู่โจมเข้าหาก้อนเมฆ พร้อมกับปล่อย “สารทำฝน” เพื่อเป็นแกนกลั่นตัวของไอน้ำเร่งการก่อตัวของก้อนเมฆ กระตุ้นให้ไอน้ำในบรรยากาศรวมตัวกันเป็นหยดน้ำและเม็ดฝน ให้เร็วขึ้นและมากขึ้น และเมื่อฝนตกลงมา จะเรียกฝนที่เกิดจากวิธีการนี้ว่า “ฝนหลวง”

โดย นายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้อธิบายถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับปฏิบัติการฝนหลวงในแต่ละเที่ยวบินเอาไว้ว่าคือสภาพอากาศและความเร็วลม เมื่อทุกอย่างเหมาะสม เครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร สามารถปฏิบัติการขึ้นบินได้ทันที

“ตอนนี้ผมทำทุ่งกุลาร้องไห้โมเดล แต่เดิมตรวจสอบสภาพอากาศโดยใช้เรดาร์ตรวจสภาพอากาศ และดูปัจจัยต่างๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใหม่ เอานักวิทยาศาสตร์ลงไปอยู่พื้นที่ด้านล่าง ถ้าวันนี้จะทำพิกัดที่อำเภอเกษตรวิสัย แต่เดิมนักวิทย์ขึ้นไปบนเครื่อง การที่จะบินไปครึ่งชั่วโมงบางทีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่นี่ผมใช้นักวิทยาศาสตร์อยู่ภาคพื้นด้วย เหมือนผู้ตรวจการหน้าของปืนใหญ่ปรับพิกัด เพราะบินไปถึงแล้ว สภาพเมฆมันได้ก็แจ้งพิกัดไปเลย ไปโจมตีจุดนั้นเลยก็ตกจุดนั้นเลย”

อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังเปิดเผยอีกว่า ในงบประมาณประจำปี 2568 ที่ผ่านมานี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ทำภารกิจต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพี่น้องเกษตรกรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปฏิบัติการเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำ เขื่อนสำคัญๆ และแหล่งน้ำต่างๆ ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น สลายหมอกควัน และลดมลพิษฝุ่น PM 2.5 รวมถึงการบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศให้เกิดการกระจายและฝนในปริมาณที่เหมาะสม

“มีการบรรเทา PM 2.5 เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมที่มาจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม พอช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน ทำสลายพายุลูกเห็บ และช่วงต้นเมษายนปลายมีนาคม เริ่มทำฝน พร้อมกันนี้ยังใช้เฮลิคอปเตอร์ตักน้ำดับไฟป่า ตามที่หน่วยงานร้องขอ เช่นจังหวัดร้องขอ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร้องขอ ส่วนใหญ่เน้นทำฝนในพื้นที่นอกเขตชลประทาน และเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำ”

อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังฝากทิ้งท้ายอีกว่า สำหรับพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทั่วไป พื้นที่ไหนประสบกับปัญหาภัยแล้ง สามารถติดต่อผ่านโซเชียลมีเดียของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ทุกช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนเพจเฟสบุ๊ค กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่ท่านอ่านเองทุกคอมเมนต์ คอมเมนต์ไหนที่ได้รับการกดไลก์ เป็นอันรับรู้ว่าท่านได้รับทราบแล้ว

“อยากฝากถึงพี่น้องประชาชน สำหรับพื้นที่ไหนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ช่องทางการติดต่อคือ ติ๊กต๊อก หรือไลน์ หรือแอปพลิเคชันของกรมฝนหลวง เฟสบุ๊คง่ายที่สุดเลยที่สามารถสื่อสารมาถึงผมได้ เฟสบุ๊คกรมฝนหลวงและการบินเกษตรผมดูทุกคอมเมนต์ ท่านขอมาผมแค่กดไลก์เจ้าหน้าที่ของศูนย์ผมจะต้องไปดูตรงนั้น และรายงานมาให้ผมทราบ เป็นที่รู้กันว่าผมรับทราบแล้ว” อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าว





