ช่วงหนึ่งของการอบรมที่ปักกิ่ง ผมจำได้ว่ามีคุณลุงเกษตรกรชาวจีนคนหนึ่งลุกขึ้นพูดในห้องประชุม
เขาบอกว่า “ผมอายุ 63 แล้ว แต่ผมยังเรียนรู้ทุกวัน เพราะโลกไม่เคยหยุดให้ผมหยุดตาม”
คำพูดนั้นมันตรงใจมากครับ เพราะในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว — ดินก็ไม่เหมือนเดิม น้ำก็ไม่เหมือนเดิม ตลาดก็เปลี่ยนทุกเดือน เกษตรกรที่ “ยืดหยุ่นและเรียนรู้” เท่านั้น ที่จะอยู่ได้อย่างมั่นคง
เทคโนโลยีดีแค่ไหน ถ้าคนไม่พร้อม…มันก็ไม่เกิดผล
ผมเคยเห็นหลายโครงการที่เครื่องจักรดีมาก แต่สุดท้ายจอดไว้เฉย ๆ เพราะไม่มีใครอยากเรียนรู้การใช้
ตรงกันข้าม…บางที่มีเพียงมือถือกับเครื่องพ่นเก่า ๆ
แต่เจ้าของแปลงเรียนรู้ตลอดเวลา จนใช้ของที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นั่นทำให้ผมเชื่อว่า
สิ่งสำคัญไม่ใช่เทคโนโลยีที่เรามี แต่คือ “ทัศนคติของคนที่ใช้มัน”
เกษตรยุคใหม่ เรียนรู้ได้ทุกวัน
วันนี้ แหล่งเรียนรู้มีอยู่รอบตัว
• วิดีโอเกษตรใน YouTube ที่แชร์เทคนิคปลูกผัก
• กลุ่ม Facebook ของเกษตรกรแต่ละจังหวัด
• หรือแม้แต่บทความเล็ก ๆ อย่าง “เรื่องเล่าของเล็ก” ในเรื่องเล่าข่าวเกษตร ของพี่ขุนพิเรนทร์
เราไม่จำเป็นต้องรออบรม ไม่ต้องรอใครมาชี้นำ แค่เปิดใจ…ข้อมูลก็จะไหลเข้ามาเอง
การเรียนรู้ ไม่ต้องใช้ทุนมาก แต่ต้องใช้ “ใจ” ที่อยากเข้าใจสิ่งที่เราทำ
เกษตรกรรุ่นใหม่…คือผู้นำการเปลี่ยนผ่าน
ผมเจอเกษตรกรรุ่นใหม่หลายคน พวกเขาไม่ได้ทำเกษตรเพราะจำเป็น แต่ทำเพราะ “เห็นคุณค่าของดินและน้ำ” บางคนเรียนจบวิศวะ บางคนเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่สุดท้ายกลับมาทำเกษตรด้วยหัวใจที่อยากให้ประเทศยั่งยืน
พวกเขาไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะรู้ว่าทุกครั้งที่เรียนรู้ คือทุกครั้งที่เติบโต
ผมเชื่อว่า…หัวใจของเกษตรยุคใหม่ ไม่ได้อยู่ในเครื่องจักร หรือข้อมูล แต่อยู่ใน “คน” ที่พร้อมเรียนรู้จากทุกสิ่งรอบตัว
เทคโนโลยีจะพัฒนาได้แค่ไหนก็ไม่สำคัญ ถ้าไม่มี “คนที่เปิดใจใช้มัน” เพราะเกษตรไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ แต่มันขับเคลื่อนด้วย “หัวใจของคนที่ไม่ยอมหยุดเรียนรู้”





