“มะเขือเปราะ” (Thai Eggplant) คือผักพื้นบ้านรสกรอบหวานปนขมเล็กน้อย มีหลากหลายสี (เขียว, ขาว, ม่วง) ผลทรงกลม ผิวเรียบ เป็นพืชล้มลุกที่นิยมมากในอาหารไทย ใช้กินสดกับน้ำพริก หรือปรุงสุกในแกงต่างๆ มีประโยชน์ด้านการย่อยอาหาร ไฟเบอร์สูง ช่วยลดน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงกระดูก และมีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะมีสารโซลานินที่อาจทำให้ปวดข้อเมื่อสะสมมากเกินไป

ลักษณะทั่วไป
- พืช: ล้มลุก ทรงพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นสีเขียว แตกกิ่งก้าน
- ใบ: เดี่ยว เรียงสลับ ขอบใบเว้าโค้ง
- ดอก: สีขาวหรือม่วง กลีบดอก 5 กลีบ ปลายแยก
- ผล: กลมหรือรี ผิวเรียบ มัน มีหลายสี (เขียวอ่อน, ขาว, ม่วง) มีลายริ้วสีขาว เนื้อแน่นกรอบ มีเมล็ดสีเหลือง/น้ำตาล

ประโยชน์และสรรพคุณ
- ระบบขับถ่าย: ไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มนาน ลดท้องผูก
- ลดน้ำตาลในเลือด: มีสารช่วยควบคุมระดับน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- ลดคอเลสเตอรอล: ลด LDL (ไขมันไม่ดี) ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
- บำรุงกระดูก: มีแคลเซียม เหล็ก โพแทสเซียม ช่วยเสริมความแข็งแรง
- สารต้านอนุมูลอิสระ: มีไฟโตนิวเทรียนท์หลายชนิด ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านมะเร็ง
- บำรุงหัวใจ: ช่วยลดความดันโลหิตและความเสี่ยงโรคหัวใจ

ข้อควรระวัง
มีสารโซลานิน (Solanine) ซึ่งหากกินมากเกินไป อาจสะสมในร่างกายและทำให้ปวดขา ปวดข้อได้
การนำไปใช้
- เป็นผักเคียงยอดนิยมสำหรับรับประทานกับน้ำพริกต่างๆ
- เป็นส่วนประกอบในแกงไทยหลายชนิด เช่น แกงเขียวหวาน
- กินได้ทั้งสด (กรอบ) และปรุงสุก (นุ่มขึ้น)
มะเขือเปราะ เป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่ง ที่ใครๆ ต่างก็สามารถเพาะปลูกเอาไว้รับประทานกันเองที่บ้านได้ถ้าพอจะมีเวลาดูแล และมีพื้นที่เล็กน้อยให้เพาะปลูก ซึ่งจะเลือกปลูกลงดินหรือลงกระถางก็ได้ เชื่อว่าถ้าปลูกจนออกดอกติดผลได้สำเร็จ คงต้องได้เก็บมารับประทานกันบ่อยๆ เพราะมะเขือเปราะเป็นผักที่อยู่เคียงคู่กับอาหารไทยรสจัดหลายเมนู

มะเขือเปราะ อายุข้ามปี สูง 30-90 เซนติเมตร แตกกิ่งได้ถึงโคนลำต้น เติบโตได้ในดินทุกชนิดที่อุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดทนต่อสภาพอากาศ ปลูกได้ตลอดทั้งปี และปลูกได้ทุกภาคของประเทศ นอกจากนี้ยังมีระยะเวลาปลูกสั้น 60-80 วัน ก็เริ่มทยอยเก็บผลอ่อนที่ได้ขนาดแล้วต่อเนื่องได้นาน 4-5 เดือน ผลมะเขือเปราะเป็นลูกกลมหรือรูปไข่ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีผิวเรียบเป็นมัน มีหลายสีแล้วแต่สายพันธุ์ เช่น สีขาว เขียวอ่อน ม่วง หรือมีลวดลาย เนื้อผลแน่นกรอบ รสชาติฝาดอมหวานมีเมล็ดแทรกในเนื้อ นิยมรับประทานกันเฉพาะผลอ่อนเท่านั้น เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทุกพันธุ์และมีผิวแข็งเหนียวรับประทานไม่ได้ แต่เหมาะสำหรับเก็บเมล็ดผลแก่ไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ได้
การปลูกมะเขือเปราะนั้น นิยมวิธีการเพาะต้นกล้าจากเมล็ด การปลูกเป็นผักสวนครัวแปลงเล็กที่บ้าน สามารถหาซื้อเมล็ดพันธ์ุแบบซองตามร้านค้าด้านการเกษตรทั่วไป และควรซื้อหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงติดมือกลับมาด้วย เมื่อได้เมล็ดพันธุ์มาแล้ว ก็นำมาแช่ในหัวเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าวประมาณ 20 นาที จากนั้นเตรียมดินปลูกผสมกับปุ๋ยคอกและฉีดพ่นด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงให้กับดินปลูกด้วย เพื่อให้จุลินทรีย์ดังกล่าวช่วยป้องกันเชื้อราหรือแบคทีเรียในดินปลูก ต่อไปเตรียมภาชนะหรือถาดเพาะมาใส่ดินปลูกลงไป จิ้มดินให้ลึก 3-5 เซนติเมตร นำเมล็ดพันธุ์ใส่ลงไปกลบดินปิดแล้ววางภาชนะปลูกไว้ในที่ร่ม 5-7 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกให้รดน้ำพอให้ดินชื้นวันละครั้งช่วงเช้า เมื่อต้นอ่อนได้ใบคู่ให้ยกภาชนะไปโดนแดดประมาณครึ่งวันจะทำให้โตเร็วขึ้น ประมาณ 1 เดือนก็สามารถย้ายกล้าลงปลูกในกระถาง หรือแปลงปลูกได้ ช่วงย้ายกล้ามะเขือเปราะนี้ควรบำรุงด้วยปุ๋ยคอกรอบโคนต้น ฉีดพ่นด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง และนำกระถางปลูกไปไว้กลางแดดได้ทั้งวัน โดยให้รดน้ำวันละครั้งอย่าให้ดินแห้งเกินไป เมื่อต้นมะเขือมีความสูงตามที่พอใจ ให้คอยตัดแต่งกิ่งให้แตกออกข้างอยู่เสมอจนได้ทรงพุ่มที่ต้องการแล้วจึงปล่อยให้ติดดอกออกผลตามที่ต้องการต่อไป




