ทุกครั้งที่มีคนพูดว่า “วันนี้เมล็ดพันธุ์ไทยไม่แพ้ใคร” ผมเห็นด้วยเต็มที่
แต่ผมอยากให้ประโยคนี้มี “ความจำ” อยู่ข้างในด้วย
เพราะ ความสำเร็จวันนี้ ไม่ได้เกิดจากการเดินเดี่ยวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจาก การเดินร่วมกันของคนหลายรุ่น หลายบทบาท หลายความถนัด
1.จุดตั้งต้น: ไทยไม่ได้เริ่มจากศูนย์ และไม่ได้เดินลำพัง
ในอดีต บริษัทต่างชาติ มีเทคโนโลยีและประสบการณ์
ในขณะที่ นักวิจัยไทยและผู้ประกอบการไทย มี รากพันธุกรรมท้องถิ่น ความเข้าใจพื้นที่ และความมุ่งมั่นที่จะสร้างของของเราเอง
ทั้งสองด้าน ต่างมีของแท้ของตัวเอง และเมื่อได้ทำงานร่วมกัน ความรู้–ทุน–ประสบการณ์–ฐานพันธุกรรมไทย ก็ถูกต่อยอดกลายเป็น “ความแข็งแรงของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ไทยวันนี้”
ประโยคนี้สำคัญที่สุด: “เราไม่ได้ล้มเหลวมาก่อน เราเริ่มต้นด้วยความร่วมมือ”
2. ครูบาอาจารย์ไม่ได้สอนเราให้ตาม แต่สอนให้เรา ‘ยืนให้ได้’
สิ่งที่ครูในยุคนั้นทำให้เรา ไม่ใช่แค่ สร้างพันธุ์ดี
แต่คือ เปิดประตูให้ความร่วมมือเกิดขึ้นได้จริง
ครูบางท่านเคยบอกว่า ”ความรู้ของต่างชาติทำให้เราเห็นว่าโลกไปถึงไหน แต่ความรู้ของเรา ทำให้ต่างชาติเห็นว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพ”
วันนี้เราพูดได้เต็มปากว่า ผู้ผลิตไทยจำนวนมากพัฒนาพันธุ์ได้เอง เก่งจริง และยืนได้ในตลาดจริง และหลายราย ไม่ได้รอให้ใครบอกทาง แต่เดินนำเองในบางชนิดพืชด้วยซ้ำ
3. จากความร่วมมือ → สู่ความมั่นใจในตัวเอง
เมื่อความร่วมมือเริ่มเข้าที่ไทยไม่ได้เป็นแค่ “ผู้ใช้เทคโนโลยี” แต่เป็น ผู้สร้าง–ผู้พัฒนา–ผู้ผลิต–และผู้ส่งออก
ไม่ใช่เพราะโชคดีแต่เพราะ คนไทยมีความสามารถในงานพันธุ์อยู่แล้วเพียงแต่ต้องใช้เวลาและเวทีพิสูจน์
ผมเชื่ออย่างไม่ลังเลว่า “เกษตรกรไทย–นักวิจัยไทย–ผู้ประกอบการไทย มียีนด้านการพัฒนาเมล็ดพันธุ์อยู่ในตัวเราทำได้ และทำได้ดี”
4. ถ้าวันนั้นไม่มีความร่วมมือ วันนี้ก็ไม่มีให้ส่งต่อ
ผมเคยถามครูท่านหนึ่งว่า
“อะไรทำให้ไทยก้าวมาถึงตรงนี้ได้?”
ครูตอบช้า ๆ แต่ชัดเจน
“เพราะวันนั้น เราเปิดใจร่วมมือ
วันนี้เราถึงมีสิทธิ์พัฒนาต่อด้วยความมั่นใจของตัวเอง
ประโยคนี้สะท้อนภาพที่ถูกต้องที่สุด ถ้าครูในวันนั้นไม่เปิดทาง ถ้าเราในวันนั้นไม่เปิดใจ เราคงไม่มีวันนี้ วันที่เมล็ดพันธุ์ไทยยืนอย่างมั่นคงบนเวทีโลก
ฝากถึงคนรุ่นเรา
“รุ่นก่อนให้เราพันธุ์ที่แข็งแรง รุ่นเรา…ต้องให้ความร่วมมือที่เข้มแข็งกลับไป เพื่อให้รุ่นหน้า ‘เริ่มได้สูงกว่า’ ไม่ใช่เริ่มใหม่”





