มช.ค้นพบวิธีลด-ชะลอ การตกกระกล้วยไข่ ช่วยให้กล้วยเนียนสวยได้นานขึ้น

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยทีมนักวิจัยสรีรวิทยาวิทยาและอณูชีววิทยาของพืช ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ คิดค้นวิธีการลดและชะลอการตกกระของผลกล้วยไข่ด้วยเมทิลซาลิไซเลต ผ่านการควบคุมการตายของเซลล์อย่างเป็นระบบ (Programmed cell death) 

ซึ่งผลงานวิจัยนี้ได้ให้องค์ความรู้ใหม่ที่สร้างประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้จำหน่าย จากการเล็งเห็นความสำคัญและแก้ปัญหาคุณภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ภาคการเกษตรของประเทศ โดยเฉพาะการคงสภาพของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ชะลอไม่ให้เสียหายระหว่างการขนส่ง ไปจนถึงวางจำหน่าย 

เดิมประเทศไทยเพาะปลูกกล้วยไข่เพื่อการบริโภคในประเทศเพียงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ กล้วยไข่จึงเป็นหนึ่งในผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง ในปี 2564 มีมูลค่าการส่งออกมากถึง 210.5 ล้านบาท ทีมนักวิจัยฯ ประกอบด้วย ผศ.ดร.กอบเกียรติ แสงนิล, ผศ.ดร.อุษรา ปัญญา และนายสิรวิชญ์ โชติกะคาม นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาชีววิทยา ค้นพบครั้งแรกว่าการตกกระของผลกล้วยไข่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการตายของเซลล์อย่างเป็นระบบ (programmed cell death)ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เป็นการตายของเซลล์เปลือกผลที่มีขั้นตอนและกระบวนการที่ถูกกระตุ้นโดยอนุพันธ์ออกซิเจนที่ว่องไว (reactive oxygen species) ผ่านวิถีไมโทคอนเดรีย ที่นำไปสู่การกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์แคสเปส (caspase) และเอนโดนิวคลีเอส (endonuclease) จนทำให้นิวเคลียสของเซลล์แตกออกเป็นส่วนเล็กๆ (nuclear fragmentation) และนำไปสู่การตายของเซลล์ในที่สุด 

9EF2D8AC D667 431A 9FC7 E768B055FFAD

โดยพบว่าเมื่อนำผลกล้วยไข่หลังการเก็บเกี่ยวมาแช่ในสารละลายเมทิลซาลิไซเลต(methyl salicylate) ความเข้มข้น 2 มิลลิโมลาร์ นาน 30 นาที สามารถลดและชะลออาการตกกระออกไปได้อีก 2 วัน โดยมีผลส่งเสริมศักยภาพในการป้องกันออกซิเดชัน ช่วยรักษาโครงสร้าง-หน้าที่ของไมโทคอนเดรีย และลดการปลดปล่อยไซโตโคมซี (cytochrome c) ที่กระตุ้นการทำงานของแคสเปส

งานวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติแล้ว 2 เรื่อง และกำลังรอผลการตีพิมพ์อีก 1 เรื่อง ผลงานวิจัยนี้ได้สร้างองค์ความรู้ใหม่แก่วงการการศึกษา และสร้างคุณค่านานับประการแก่การเกษตรไทยอย่างมาก 

โดยงานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นบันไดนำไปสู่การต่อยอดวิจัยในการพัฒนานำรูปแบบการใช้เมทิลซาลิไซเลตที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมการตกกระของผลกล้วยไข่หรือการตายของเซลล์อย่างเป็นระบบที่เกิดกับผลไม้อื่นต่อไปในอนาคต โดยจะเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศษฐกิจไทยได้ เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีสถานการณ์โควิดเข้ามา แต่มูลค่าการส่งออกผลไม้ไทยกลับเพิ่มมากขึ้นถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์ หรือนับเป็น 6 เท่าของการส่งออกผลไม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 

006F3CBE 8AD7 4A9D B16B 447CBECC1806

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งพัฒนาสนับสนุนงานวิจัยในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักอย่างหนึ่งของประเทศไทย คณาจารย์ บุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ล้วนภาคภูมิใจที่ได้สร้างองค์ความรู้ส่งต่อสู่สังคม สร้างเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้มีความยั่งยืน และเพิ่มรายได้ของประเทศ