“ปุ๋ยแพง ผีอีแพงลอยตัว”

ขาดคน ขาดความรู้ ขาดแรงจูงใจ ขาดเงิน หรือรัฐขาดอะไรถึงแก้ปัญหาต้นทุนการผลิตภาคการเกษตรไม่ได้
เจาะกลางใจ โดย “ขุนพิเรนทร์”

าคาปุ๋ยยูเรียที่พุ่งไปแตะ 1040 เหรียญ/ตัน เมื่อเทียบกับค่าเงินไทยที่ 33.80 บาท นั่นหมายถึงแค่ต้นทุนแม่ปุ๋ยที่นำเข้าปาเข้าไป 35,152 บาท/ตัน นี่ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ล่าสุดราคาปุ๋ยยูเรียในประเทศบางพื้นที่พุ่งขึ้นไปที่ 1,850 บาทต่อกระสอบ และมีแนวโน้มในบางพื้นที่จะขยับขึ้นที่สำคัญไม่ใช่แพงอย่างเดียว ปุ๋ยยังขาดตลาด

“ขุนพิเรนทร์”จับตาเรื่องปุ๋ยเคมีมาโดยตลอดมองวิธีการแก้ปัญหาของไทยแล้วได้แต่เศร้าใจที่ปัญหาของเกษตรกรไม่ได้รับการแก้ไข ยิ่งใกล้ฤดูเพาะปลูกเท่าไหร่ เกษตรกรยิ่งเร่งเร้าให้รัฐดำเนินนโยบายออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมมากกว่านี้

เราลองมานึกภาพการใช้ปุ๋ยเคมีในบ้านเราตาม “ขุนพิเรนทร์” กันครับ
อันดับแรกเปลี่ยนแนวคิด ปุ๋ยเคมีไม่ใช่ผู้ร้าย ปุ๋ยเคมีคือธาตุอาหาร ต่อมาเรามาดูข้อมูลกัน ในแต่ละปีเกษตรกรไทยมีความต้องการใช้ปุ๋ยเคมี อยู่ราวๆ 8.06 ล้านตัน ต้องการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 131 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา ปี 2564 ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมี จาก 45 ประเทศ ปริมาณ 5,520,883 ตัน มูลค่า 70,103 ล้านบาท

ประเทศนำเข้าสูงสุด ได้แก่จีน 1.256 ล้านตัน มูลค่า 16,997 ล้านบาท , ซาอุดิอาระเบีย 0.844 ล้านตัน มูลค่า 10,707 ล้านบาท,รัสเซีย 0.445 ล้านตัน มูลค่า 5,604 ล้านบาท,โอมาน 0.367 ล้านตัน มูลค่า 4,381 ล้านบาท

ขุนพิเรนทร์” ชี้แบบชัดๆปุ๋ยเคมี ความต้องการใช้ปุ๋ยเคมี 8.06 ล้านตัน ปริมาณนำเข้า 5.52 ล้านตัน แต่เมื่อรวมกับปุ๋ยจากรัสเซีย/เบลารุส ที่หายไป 0.68 ล้านตัน นั่นหมายถึงเราต้องต้องเติมปุ๋ยเคมีให้เพียงพอความต้องการอีก 3.22 ล้านตัน แต่หน่วยงานของรัฐหน่วยงานส่งเสริมผลิตได้ 0.20 ล้านตัน ต้องเพิ่มเติมปุ๋ยเคมีอีก 3.02 ล้านตัน

มาถึงปุ๋ยความหวังที่รัฐเตรียมกระตุ้นให้มีการใช้มากขึ้นคือ ปุ๋ยอินทรีย์ และ ชีวภาพ ไทยมีความต้องการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 131.00 ล้านตัน ปี 2565 หน่วยงานส่งเสริมผลิตได้ (สามารถรองรับการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้) 2.26 ล้านตัน ต้องเพิ่มเติมปุ๋ยอินทรีย์อีก 128.74 ล้านตัน ตลาดปุ๋ยอินทรีย์โตขึ้นทุกปี โตขึ้นโดยที่สายอินทรีย์ไม่ต้องไปต่อว่าต่อขานหรือระรานสายเคมีด้วยซ้ำ

messageImage 1650437799253

เมื่อส่องมองไปที่แนวทางแก้ปัญหาปุ๋ยแพง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งเป้าไว้ คือทำให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอทั่วถึงและใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพสูงดังนี้

  1. ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการใส่ปุ๋ยอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงให้แก่เกษตรกร “4 ถูก ถูกสูตร ถูกอัตรา ถูกเวลา ถูกวิธี”
    2.ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและความต้องการของพืช/ การใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมีปุ๋ยชีวภาพ)/ นวัตกรรมด้านดิน ปุ๋ย
  2. เพิ่มช่องทางการเข้าถึงปุ๋ยและจัดหาแม่ปุ๋ยคุณภาพมาใช้ในชุมชนอย่างเพียงพอและทั่วถึง
    4.พัฒนางานวิจัยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และความต้องการของพืชให้ครอบคลุมทุกชนิดพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ

ในระยะสั้น คือในปี 2565 มีโครงการอะไรบ้าง
1.โครงการบริหารจัดการปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (500,000 ตัน)
2.โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) ระยะที่ 2
3.โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยของ ธ.ก.ส.
4.โครงการลดราคาปุ๋ยเคมี(กษ.ร่วมกับพณ.)
5.ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน(ปุ๋ยเคมีปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ)
6.วิจัย พัฒนา ส่งเสริม สนับสนุนและถ่ายทอดเทคโนโลยี การใช้ปุ๋ยตามบทบาทภารกิจของหน่วยงาน
7.บูรณาการเร่งรัดผลักดันมาตรการแก้ไขปัญหาปุ๋ยเคมี ราคาสูงและไม่มีเสถียรภาพ เช่น การประชุมหารือระดับ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดขับเคลื่อนมาตรการฯ

วันนี้มาตรการเร่งด่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขับเคลื่อนกันถึงไหนอย่างไร เพราะที่ผ่านมา “ขุนพิเรนทร์” เห็นเพียง ส.ส.นราพัฒน์ แก้วทอง เมื่อครั้งเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรฯที่พยายามนำเสนอการแก้ปัญหาปุ๋ยแพงให้กับนายกรัฐมนตรี วันนี้นราพัฒน์ไม่ได้เป็นผู้ช่วยฯ มาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ การแก้ปัญหาปุ๋ยแพงใครเป็นเจ้าภาพหลัก ตอนนี้ยังมองไม่เห็นทางหรือบุคคลรับผิดชอบโดยตรง

แน่นอนหละปุ๋ยแพงเป็นปัญหา คนมาแก้จะแอคชั่นหน้าหล่อๆอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพร้อมที่จะเปื้อนโคลนเปื้อนดินเปื้อนฝุ่นด้วย แล้วใครจะมารับเรื่องร้อนๆแบบนี้

messageImage 1650438024404

เรื่องปุ๋ยแพงสมควรที่จะถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหาแบบบูรณาการทุกหน่วยงานต้องเกิดขึ้น ไม่ใช่เอะอะด่าแต่กระทรวงเกษตรฯ ที่ “ขุนพิเรนทร์” เขียนแบบนี้ไม่ใช่จะมายกยอปอปั้นเพราะอะไรที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรเป็นหน้าที่โดยตรงของเกษตรอยู่แล้ว แต่พวกที่ทำหน้าหล่อลอยตัวไปวันๆเมื่อไหร่จะร่วมด้วยช่วยกันช่วยเกษตรกร พาณิชย์ นี่เป็นหน่วยงานหลักไม่ต่างจากเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ ล้วนเกี่ยวข้อง คือง่ายๆเรื่องปุ๋ยนี่เกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาล

และวันนี้ “ขุนพิเรนทร์” ถามหาความจริงใจของรัฐบาล ความจริงใจที่ทำให้เกษตรกรเห็นเป็นรูปธรรม ประเภทที่ออกมาพูดปุ๋ยเคมีแพงใช้ปุ๋นอินทรีย์สิ ปุ๋ยเคมีแพงเกษตรกรลดการใช้ลงไปในตัวอยู่แล้วเพราะไม่มีเงินซื้อ แล้วปุ๋ยอินทรีย์ก็ไม่ใช่จะถูกๆ คำพูดพวกนี้ เหม็นขี้ฟัน ถ้าจะให้พูดแบบหยาบคาย ลาออกแล้วไปเลี้ยงหลานที่บ้านเลยก็ได้ครับ อย่าว่าแต่ปุ๋ยเคมีเลยที่แพงวันนี้ปุ๋ยอินทรีย์ราคาก็ขึ้นตาม

ที่สำคัญปุ๋ยไม่ใช่พึ่งจะขยับราคาขึ้น แต่ปุ๋ยขาขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนส่งครามรัสเซีย-ยูเครนด้วยซ้ำ และที่ผ่านมาพวกท่านแก้ปัญหากันอย่างไร นี่โชคดีที่โทษรัสเซียรบกับยูเครนได้ว่าทำให้ปุ๋ยแพง ปุ๋ยขาดตลาด เพราะเอาเข้าจริง เกษตรกรกำลังมองว่ารัฐบาลไม่มีปัญญาแก้