ในตอนที่แล้ว เรารู้แล้วว่า “คาร์บอนเครดิต” คือเงินที่เกิดจากสิ่งที่เราทำอยู่แล้วในไร่ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ งดเผา หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 🌱
แต่สิ่งที่เกษตรกรต้องเข้าใจให้ชัดคือ — แค่ “ทำ” อย่างเดียว ยังไม่พอ
ถ้าอยากขายได้จริง เราต้องทำให้ “เป็นระบบ” ตามมาตรฐานที่ตลาดยอมรับด้วย
1️⃣ สำรวจสิ่งที่ทำอยู่แล้ว – ดูก่อนว่าเรามีต้นทุนอะไร
เริ่มจากดูในไร่ของเราก่อนเลยว่า มีอะไรที่ช่วยลดหรือดูดซับคาร์บอนได้บ้าง เช่น
🌳 ปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น – ต้นไม้ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้โดยธรรมชาติ
🌱 ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ – ลดคาร์บอนจากกระบวนการผลิตปุ๋ยเคมี
🔥 งดเผาเศษพืช – ลดการปล่อยก๊าซโดยตรง
♻️ หมักเศษพืชเป็นปุ๋ย – เพิ่มคาร์บอนในดิน
💦 ใช้ระบบน้ำหรือพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ – ลดการใช้พลังงานฟอสซิล
📍ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว แปลว่าเรามี “ต้นทุน” อยู่ในมือแล้วครึ่ง
2️⃣ ทำให้ถูก “วิธี” – ต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานที่ตลาดยอมรับ
จุดสำคัญที่สุดคือ ต้องทำให้สิ่งที่เราทำ “สอดคล้องกับวิธีการ (Methodology)” ที่ได้รับการรับรอง เพราะตลาดจะยอมรับเฉพาะเครดิตที่ผ่านวิธีมาตรฐานเท่านั้น
📜 ตัวอย่างมาตรฐานที่ใช้กันจริง
🇹🇭 T-VER – มาตรฐานภายในประเทศ ภายใต้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
🌍 Gold Standard และ Verra (VCS) – มาตรฐานระดับสากล ใช้ในการค้าขายระหว่างประเทศ
💡 วิธีการเหล่านี้จะกำหนดรายละเอียดทั้งหมด ตั้งแต่
ขอบเขตโครงการ
วิธีเก็บข้อมูล
วิธีคำนวณการลดคาร์บอน
วิธีตรวจสอบและรายงานผล
📍 ถ้าไม่ทำตามวิธีการเหล่านี้ แม้จะทำถูกหมดทุกอย่าง เครดิตก็จะ “ขายไม่ได้”
3️⃣ จดบันทึกและเก็บข้อมูลให้ครบถ้วน
“ข้อมูล” คือหัวใจสำคัญของโครงการคาร์บอนเครดิต เพราะเป็นสิ่งที่หน่วยงานใช้ตรวจสอบว่าเราทำจริง และผลเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ตัวอย่างข้อมูลที่ควรเก็บไว้ตั้งแต่วันแรก 📒
จำนวนต้นไม้ที่ปลูก พื้นที่ และวันปลูก
ปริมาณปุ๋ยเคมีที่ลดลง / ปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้แทน
ปริมาณเศษพืชที่นำมาหมักแทนการเผา
จำนวนครั้งที่งดการเผาในแต่ละปี
ปริมาณพลังงานหรือเชื้อเพลิงที่ลดลง
📌 ยิ่งข้อมูลละเอียดมาก → โอกาสผ่านการรับรองยิ่งสูง
📌 และยิ่งข้อมูล “สอดคล้องกับวิธีการที่เลือก” → เครดิตยิ่งมีมูลค่าสูง
4️⃣ รู้ไว้ว่าการปรึกษามักมี “ค่าใช้จ่าย”
อีกเรื่องที่เกษตรกรควรรู้ไว้ตั้งแต่ต้นคือ ปัจจุบัน “การให้คำปรึกษา” ด้านคาร์บอนเครดิตส่วนใหญ่ มีค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะขั้นตอนสำคัญ เช่น
การจัดทำเอกสารโครงการ (PDD)
การเก็บข้อมูล baseline
การตรวจสอบและขึ้นทะเบียน
📍 หากต้องการลดต้นทุน สามารถ “รวมกลุ่มเกษตรกร” หรือเข้าร่วมโครงการของหน่วยงานภาครัฐ / เอกชน ที่มีบริการสนับสนุนบางส่วนได้
5️⃣ รู้จักหน่วยงานที่ “ช่วยเราได้”
เกษตรกรไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างคนเดียว เพราะมีหน่วยงานหลายแห่งที่พร้อมช่วยตั้งแต่การให้คำแนะนำจนถึงการตรวจสอบ เช่น
🇹🇭 องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) – หน่วยงานหลักด้านมาตรฐานคาร์บอนในประเทศไทย
🏢 กรมวิชาการเกษตร – ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “หน่วยตรวจสอบ (VVB)” ภายใต้โครงการ T-VER สามารถเข้ามาตรวจวัดและรับรองได้
🧪 มหาวิทยาลัย หรือศูนย์วิจัย – บางแห่งให้บริการเก็บข้อมูลและจัดทำเอกสาร
🤝 บริษัทเอกชน – หลายแห่งเปิดรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการซื้อเครดิต
📍 สรุป: ขั้นตอนเริ่มต้นที่ต้องรู้
1️⃣ สำรวจสิ่งที่เราทำ → ดูว่าอะไรลดคาร์บอนได้
2️⃣ ทำตามวิธี (Methodology) ที่ได้รับการรับรอง
3️⃣ จดข้อมูลทุกขั้นตอน → ยิ่งละเอียด ยิ่งดี
4️⃣ เข้าใจว่าบางขั้นตอนมีค่าใช้จ่าย → เตรียมพร้อมไว้
5️⃣ ติดต่อหน่วยงานหรือโครงการที่ช่วยได้





