“สัตว์น้ำ” เป็นสินค้าที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจได้รับความนิยมในการบริโภคแพร่หลายทั้งภายในประเทศและเป็นสินค้าส่งออก เป็นอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย เป็นอาหารโปรตีนที่มีคุณภาพดี ร่างกายสามารถย่อยได้ง่าย มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วนเป็นแหล่งไขมันคุณภาพดีที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง ช่วยควบคุมปริมาณไตรกลีเซอไรด์ในเลือด เร่งเผาผลาญคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเซลล์สมอง และช่วยทำให้ระบบความจำดี นอกจากนี้ “สัตว์น้ำ”ยังเป็นแหล่งของวิตามิน เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซิน และแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายซึ่งมีส่วนช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส
“การแปรรูปสัตว์น้ำ” เป็นการนำสัตว์น้ำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ยืดอายุการเก็บรักษาสัตว์น้ำให้ได้นานขึ้น ช่วยให้มีอาหารจากสัตว์น้ำบริโภคในยามที่ขาดแคลนหรือไม่ใช่ฤดูกาล นอกจากนี้ยังช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารของสัตว์น้ำที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และทำให้อาหารมีความปลอดภัยในการบริโภค เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสัตว์น้ำ และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปด้วย


ปลารมควัน
เป็นผลิตภัณฑ์ปลารมควันแบบแห้งกรอบ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีสีเหลืองทองจากการรมควัน เนื้อปลาแห้งกรอบ มีรสชาติที่ไม่เค็มจนเกินไป
วัตถุดิบ
ปลาเกือบทุกชนิดสามารถนำมารมควันได้

วิธีทำ
1. นำปลาสดทั้งตัว มาผ่าท้องเอาไส้พุง และเหงือกออก ล้างน้ำให้สะอาด
2.ผ่าแบะตัวปลาแบบผีเสื้อโดยผนังด้านท้องติดกัน หรือใช้ปลาทั้งตัว
3.วางปลาบนตะแกรง นำไปผึ่งเพื่อให้ผิวเนื้อปลาตึง ประมาณ 30-45 นาที
4.นำไปอบในตู้อบใช้อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง แล้วรมควันต่อที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จนปลามีสีเหลืองทอง เชื้อเพลิงที่ใช้ ได้แก่ ไม้เนื้อแข็งตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ประเภท มะฮอกกานีหรือบีช หรือใช้ขี้เลื่อย กากมะพร้าวแห้ง ซังข้าวโพด ชานอ้อย
5.อบต่อที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วลดอุณหภูมิเหลือ60-70 องศาเซลเซียส อบต่ออีกประมาณ 8 ชั่วโมง
6.นำปลาออกจากตู้รมควัน ผึ่งตากแดดประมาณ 1 วัน หรืออบที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 ชั่วโมง
วิธีการบรรจุและการเก็บรักษา
บรรจุใส่ถุงพลาสติกปิดผนึก เก็บที่อุณหภูมิห้องหรือที่อุณหภูมิแช่แข็ง
วิธีรับประทาน
รับประทานได้เลย หรือนำไปใช้ทำน้ำพริกชนิดต่างๆ เช่น น้ำพริกปลาย่างหรือนำไปทำต้มโคล้ง
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ: กองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ




