นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการอบรมโครงการพัฒนาและยกระดับฟาร์มโคเนื้อสู่เกษตรมูลค่าสูง พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ชัยนาทโมเดล : นโยบายสู่การปฏิบัติ โดยมี นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ แฟนตาซี รีสอร์ท อ.เมือง จ.ชัยนาท ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร จึงได้ขับเคลื่อนนโยบาย “ชัยนาทโมเดล” เพื่อเป็นจังหวัดต้นแบบด้านการเกษตร โดยหนึ่งในแนวทางที่สำคัญ คือการผลักดันพัฒนาและส่งเสริมเกษตรกรได้มีอาชีพเลี้ยงโคเนื้อ เพื่อเป็นการสร้างแหล่งอาหารโปรตีนที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยให้องค์ความรู้ สนับสนุนแหล่งเงินทุน ใช้ปัจจัยการผลิตในท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร ตลอดจนหาช่องทางการตลาด ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงด้านการผลิตและการตลาดจากการผลิตพืชเพียงอย่างเดียว
”ชัยนาทโมเดล มีเป้าหมายเพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เพาะปลูกพืช ให้หันมาทำปศุสัตว์ เช่น เลี้ยงโค เนื่องจากโคมีผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยส่งเสริมการเลี้ยงโคต้นน้ำ ที่กินแต่หญ้า เลี้ยงง่าย เลือกสายพันธุ์ดี แล้วนำมาขุนเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากเดิมตัวละหลักหมื่น ให้กลายเป็นหลักแสนได้ ซึ่งตลาดโคเนื้อมีแนวโน้มที่จะสามารถต่อยอดไปได้อีกไกล แต่สิ่งสำคัญคือการรักษามาตรฐานฟาร์ม หรือสินค้า ให้มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย เกิดการยอมรับ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เป็นการเพิ่มมูลค่าได้อีกด้วย ผมเชื่อมั่นว่าหากเกษตรกรมีอาชีพเสริม เช่น การเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์ดี “ชัยนาทบีฟ” ตามโครงการ “ชัยนาทโมเดล” ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรให้หลุดพ้นจากความยากจน หมดหนี้สิน พึ่งพาตนเองได้ และมีฐานะมั่นคง เกิดความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกร“ นายอนุชา กล่าว
สำหรับ “ชัยนาทบีฟ” พัฒนาสายพันธ์ุโดยกรมปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นโคเนื้อลูกผสมบราห์มันกับโคเนื้อสายพันธุ์ยุโรป 4 สายพันธุ์ คือ แองกัส บีฟมาสเตอร์ ชาโลเล่ย์ และวากิว ทำให้โคเนื้อมีความโดดเด่น ”เนื้อนุ่ม อุ้มน้ำ ไขมันแทรกสูง“ ปัจจุบัน จังหวัดชัยนาท มีเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ จำนวน 3,557 ราย มีโคเนื้อ จำนวน 58,088 ตัว โดยเป็นเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อสายพันธุ์ชัยนาทบีฟ จำนวน 320 ราย และเกษตรกรเครือข่าย จำนวน 711 ราย คิดเป็นผลผลิตโคเนื้อสายพันธุ์ชัยนาทบีฟ เพศผู้ ประมาณ 1,600ตัว/ปี ราคาขายโคเนื้อเพิ่มขึ้น จากเดิม 80 บาท/กิโลกรัม เป็น 110 บาท/กิโลกรัม มีรายได้และความมั่นคงทางอาชีพเพิ่มขึ้น อย่างน้อยคนละ 247,500 บาท/ราย/ปี
โอกาสนี้ รมช.เกษตรฯ และคณะ เยี่ยมชมฟาร์มโคเนื้อมาตรฐาน ของวิสาหกิจชุมชนฟาร์มเกษตรไร่พัฒนา บริษัท พรีเมี่ยม บีฟ จำกัด อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท โดย รมช.เกษตรฯ ได้กล่าวชื่นชมว่าเป็นฟาร์มต้นแบบในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ชูจุดเด่นในการเป็นฟาร์มโคเนื้ออารมณ์ดี และได้รับมาตรฐานฟาร์มในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ฟาร์มที่มีมาตรฐานการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management; GFM) และฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย (foot and mouth disease; FMD) เป็นต้น
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาและยกระดับฟาร์มโคเนื้อสู่เกษตรมูลค่าสูง เรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มโคเนื้อ (มกษ.6400-2555) จัดโดย มกอช. ร่วมกับกรมปศุสัตว์ และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยนาท วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดชัยนาท ให้มีความรู้ ความเข้าใจเกณฑ์กำหนดของมาตรฐานสินค้าเกษตร ให้เกษตรกรสามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน มีความพร้อมในการยื่นขอการรับรองตามมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มโคเนื้อ (มกษ.6400-2555) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า และยังทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อมีศักยภาพเพียงพอในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อของตนเองให้เป็นอาชีพที่มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ตามเป้าหมายนโยบาย “ชัยนาทโมเดล”