นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เรียกร้องรัฐเร่งปราบปรามการนำเข้า”หมูเถื่อน”ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง หลังปริมาณหมูที่ส่งเข้าพื้นที่มากผิดปกติ

วันที่ 17 ส.ค.65 นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ออกมาเรียกร้องให้ทางการเร่งปราบปรามการนำเข้าหมูผิดกฎหมายหรือหมูเถื่อนอย่างจริงจัง เนื่องจากขณะนี้ ปริมาณหมูที่ส่งเข้าพื้นที่ภาคเหนือมีมากผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้วจากปกติจะมีหมูเข้าเชือดในพื้นที่ประมาณ 2,000-3,000 ตัวต่อเดือน และมีการนำเข้าซากหมูหรือหมูที่เชือดแล้วประมาณ 2-3 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน แต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการนำเข้า ซากหมู ขึ้นมาทางภาคเหนือเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน ส่งผลกระทบให้ยอดขายหมูมีชีวิตในฟาร์มเริ่มช้าลง 30%

นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าวว่า คิดไปในทางอื่นไม่ได้เลย เพราะผลผลิตหมูไทยที่เกษตรกรช่วยกันเลี้ยงนี้จะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณเข้าสู่สมดุลได้ราวสิ้นปี แต่กลับมีปริมาณหมูในตลาดเพิ่มขึ้นผิดปกติ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหมูนำเข้าที่ผิดกฏหมาย เพราะประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าหมู ซึ่งนอกจากจะกระทบสุขอนามัยของผู้บริโภคแล้ว ยังส่งผลถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูที่กำลังง่วนกับการเลี้ยงหมูปลอดภัยภายใต้ต้นทุนการป้องกันโรคที่สูงขึ้น ทำลายแผนการฟื้นฟูหมูไทยในระยะกลางและระยะยาวด้วย

pic02
หมูเถื่อน

สำหรับหมูจำนวนมากเข้ามาตีตลาดในภาคเหนือ ส่งผลทำให้เกษตรกรขายหมูได้น้อยลงและราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มในพื้นที่ภาคเหนือ เริ่มขายไม่ได้ที่ราคาประมาณ 110 บาท/กก. ทำให้เกษตรกรต้องเลี้ยงหมูต่อไปเริ่มสะสมน้ำหนักเกิน 100 กก. และต้นทุนการเลี้ยงยิ่งสูงขึ้น หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้หวั่นเกรงจะกระทบต่อราคาขายจะเริ่มลดลง ระดับราคาหมูเถื่อนถูกกว่าหมูไทย เนื่องจากไม่มีมาตรการป้องกันโรคหรือตรวจสอบย้อนกลับที่ดี ต้นทุนการผลิตหมูจึงถูกกว่า ที่สำคัญ หมูเถื่อนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากคนไทย ทั้งภาครัฐผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบป้องกันแต่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งผู้ประกอบการร้านอาหารที่หันไปซื้อของถูกมาปรุงให้ผู้บริโภคกิน คนรับกรรมก็คือผู้บริโภคคนไทยทั้งประเทศ และเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจะไม่สามารถฟื้นฟูผลผลิตได้ตามเป้าหมาย จึงต้องขอร้องให้ภาครัฐขจัดปัญหาหมูเถื่อนอย่างจริงจังโดยทันที

ด้านนายเนื่องนที ฤกษ์เจริญ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร กล่าวว่า ขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมู ยังแพร่กระจายอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศ แม้กรมปศุสัตว์จะเร่งปราบปราม บุกตรวจค้น ยึดทำลายของกลางหลายต่อหลายล็อต แต่ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมาย ไม่เกรงกลัวโทษทัณฑ์ใดๆ ยังลอบนำหมูนอกจากหลายประเทศ ทั้งสหรัฐฯ สเปน แคนาดา เยอรมัน บราซิล อิตาลี เบลเยียม มีการประกาศขายผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งในแอปพลิเคชันไลน์ และเฟซบุ๊กอย่างโจ๋งครึ่ม

หมูเถื่อน เหล่านี้สำแดงเท็จว่าเป็นสินค้าอื่น อาทิ สินค้าประเภทอาหารทะเล หรือวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เข้ามาในรูปแบบเนื้อหมูและชิ้นส่วนอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีเอกสารการเคลื่อนย้ายหรือขออนุญาตนำเข้า ไม่มีหลักฐานแสดงที่มาของแหล่งกำเนิดสินค้าและไม่ผ่านขั้นตอนตรวจสอบโรคสัตว์ ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ของกรมปศุสัตว์ พวกบ่อนทำลายชาตินี้ กำลังแสวงหาผลประโยชน์ บนความทุกข์ของเกษตรกรไทยและผู้บริโภคคนไทย โดยไม่คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา เพราะหากซากสัตว์เป็นโรคระบาด หรือพาหะของโรคระบาด ย่อมมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคระบาดสัตว์ เป็นการซ้ำเติมวิกฤตที่เกษตรกรกำลังประสบอยู่ และยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคต่างถิ่นที่อาจปนเปื้อนเข้ามากระทบหมูของไทย

ที่สำคัญ การที่หลายประเทศอนุญาตให้มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงในกระบวนการเลี้ยงสัตว์ได้ ในขณะที่ประเทศไทย ไม่อนุญาตให้มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงในกระบวนการเลี้ยงสัตว์อย่างเด็ดขาดมาตั้งแต่พ.ศ.2545 ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2546 ผู้บริโภคชาวไทยจึงมีความเสี่ยงสูงจากการต้องรับสารอันตรายอย่างสารเร่งเนื้อแดงอีกด้วย

โดยเฉพาะข่าวคราวที่กรมปศุสัตว์บุกตรวจสอบห้องเย็นเก็บซากสัตว์ และดำเนินการยึดซากสัตว์ลักลอบนำเข้า ทำลายแหล่งเนื้อเถื่อน มีการจับกุมดำเนินคดีลักลอบนำสัตว์หรือซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร และลงโทษผู้กระทำความผิด หลายครั้งหลายคราวในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่าขบวนการลักลอบนำเข้าหมูยังไม่หมดไปจากประเทศไทย เรื่องนี้ต้องอาศัยแรงจากคนไทย หากพบหรือสงสัยการกระทำผิดต้องชี้ให้กับภาครัฐเข้าตรวจจับห้องเย็นและสอบย้อนกลับไปถึงผู้นำเข้ารายใหญ่ให้ได้