“เทศกาลโคนมแห่งชาติ ปี 2566” ชูศักยภาพการเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมนมของอาเซียน

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด : “พัฒนาอุตสาหกรรมโคนมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า” โดยองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ณ บริเวณห้องโถง อ.ส.ค. ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ ประธานกรรมการ อ.ส.ค. เข้าร่วม 

ซึ่งงานดังกล่าว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 29 มกราคม 2566 ณ ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค บริเวณเขาตาแป้น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ที่พระองค์ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทย และแสดงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ไปสู่เกษตรกร

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย อ.ส.ค.ได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองขึ้นเป็นประจำทุกปี  โดยปี 2566 นี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน พร้อมทั้งจะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการต่าง ๆ ภายในบริเวณงานในวันที่ 20 มกราคม 2566

321246465 1084151065586008 8548878308451937603 n
เทศกาลโคนมแห่งชาติ ปี 2566

นางสาวมนัญญา กล่าวว่า  ปัจจุบันอุตสาหกรรมโคนมไทยมีความก้าวหน้าเป็นลำดับ โดยประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางข้อมูลอุตสาหกรรมนมของอาเซียน กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้การส่งเสริมโคนมอาชีพพระราชทาน และพัฒนาศักยภาพการเลี้ยงโคนมให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความมั่นคง เข้มแข็งในอาชีพ ขณะที่ อ.ส.ค. ปัจจุบันเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค หรือ นมวัวแดง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำนมโคสดแท้ 100% ของฟาร์มเกษตรกรไทย ทำรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 8,700 ล้านบาท มีเกษตรกร และสหกรณ์โคนมในเครือข่ายไม่น้อยกว่า 4,355 ฟาร์ม มีจำนวนโครวม 113,565 ตัว ส่งน้ำนมดิบให้ อ.ส.ค. ประมาณ 581 ตัน/วัน โดยพื้นที่ภาคกลางมีสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบมากที่สุดคือ จำนวน 14 สหกรณ์ และจำนวนโครีดนม 47,739 ตัว นับว่าเป็นองค์กรที่เคียงข้างเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมาตลอด 60 ปี  

  

“กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งผลักดัน อ.ส.ค.ให้เป็นองค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมนมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน และตั้งเป้าหมายตลาดสำคัญ คือ ประเทศจีน เวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่กำลังซื้อสูง และมีสัดส่วนประชากรมาก รวมทั้งเร่งรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการดื่มนมโคแท้ 100% จากน้ำนมโคที่ได้จากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมประเทศไทย ตลอดจนสืบสาน รักษา ต่อยอด อาชีพการเลี้ยงโคนมซึ่งเป็นอาชีพอันทรงคุณค่า โดยมอบหมายให้ อ.ส.ค.ให้ความสำคัญในการการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จนถึงมือผู้บริโภคต้องได้คุณภาพและมาตรฐาน รวมทั้งสร้างการรับรู้ว่า นมวัวแดง คือ นมไทย-เดนมาร์ค ทุกหยดผลิตจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม” รมช.มนัญญา  กล่าว  

         ด้านนายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าวเพิ่มเติมว่า งานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ปี 2566 ถือเป็นเวทีสำคัญในการพบปะระหว่าง เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ภาครัฐ และเอกชนด้านอุตสาหกรรมนม เพื่อแสดงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ ผ่านนิทรรศการและการเสวนาร่วมกัน อาทิ นิทรรศการด้านนวัตกรรมการจัดสัดส่วนอาหารสมดุลหน้าฟาร์มโดยใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มสมรรถนะการผลิตและคุณภาพน้ำนมในฟาร์มโคนมรายย่อย การศึกษาผลกระทบของการแพร่ระบาดโรคลัมปี สกิน ในแม่โครีดนมต่อสมรรถนะการผลิตคุณภาพน้ำนม และสุขภาพโคนมของฟาร์มโคนมรายย่อย เป็นต้น  อีกทั้งยังมีการจัดสัมมนาวิชาการโคนม ประจำปี 2566 โดยมีนักวิชาการชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมนมระดับประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมเสวนา อาทิ บรรยายพิเศษเรื่อง “สถานการณ์อุตสาหกรรมโคนมภายใต้วิกฤติโลก และแนวทางการปรับตัวของภาคเกษตรกร : กรณีศึกษาจากนิวซีแลนด์”, ฟาร์มโคนม BCG สู่ชุมชนคาร์บอนต่ำ เศรษฐกิจยั่งยืน, การยกระดับฟาร์มโคนมรุ่นใหม่, การผลิตเนื้อโคขุนคุณภาพสูงจากโคนม เป็นต้น  

        “นอกจากนี้ ภายในงานฯ อ.ส.ค. มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อโยเกิร์ต อบกรอบ โพรไบโอ ตราไทย-เดนมาร์ค (Freeze-Dried Yoghurt Probio (Thai-Denmark Brand) อีกด้วย สำหรับโยเกิร์ตอบกรอบ โพรไบโอผลิตจากโยเกิร์ตแท้ที่มาจากน้ำนมโค 100% หมักโดยจุลินทรีย์โยเกิร์ต ชนิดโพรไบโอติก ผ่านกระบวนการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง จึงรักษาคุณค่าทางอาหารได้อย่างดีมีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต โพรไบโอติกมากกว่า 1 ล้านตัว ต่อถุง เป็นสายพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยรักษาสมดุลของลำไส้และระบบขับถ่าย และเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้ จะตอบโจทย์ตลาดคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพอย่างแน่นอน” นายสมพร กล่าว

MOAC Image
MOAC Image
MOAC Image