อุดมพร อักษรเขตต์ ทำสวนยางพาราบนพื้นที่ 10 ไร่ ณ อ.ปะทิว จ.ชุมพร มีรายได้จากยางพาราอยู่ประมาณ 400,000 บาทต่อปี นอกจากทำสวนยางพาราแล้ว ยังได้ปลูกไม้เศรษฐกิจต่าง ๆ เป็นเงินฝากในอนาคต เช่น มะฮอกกานี ตะเคียนทอง สะเดาเทียม พยุง ยางนา กันเกรา เป็นต้น
และปลูกพืชผักตามแนวคิดเกษตรแบบผสมผสานอีกหลากหลาย เช่น ผักเหลียง กล้วย กระชาย ผักกูด เป็นต้น สามารถเก็บไว้กินเองในครอบครัว หรือส่งขายเป็นรายได้ทั้งในตลาดท้องถิ่นและตลาดออนไลน์ เกิดรายได้เสริมประมาณ 60,000-120,000 บาท ต่อปี
อุดมพร เจ้าของสวนยาง บอกว่า พื้นที่สวนยางทั้งหมด 10 ไร่ ส่วนพันธุ์พืชที่ปลูกจะมีในส่วนของผักเหลียง จะมี 400 กว่าต้น โดยจะเป็นพันธุ์ใบใหญ่ อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นในส่วนของไม้เศรษฐกิจ โดยจะมี 9 ชนิด
ขณะนี้รายได้ต่อปีก็ตกอยู่ประมาณ 4 แสนกว่าบาท ยางกรีด 2 วัน เว้นหนึ่งวัน หนึ่งเดือนก็กรีดประมาณ 20 วัน หยุด 10 วัน บางครั้งรอบหนึ่งก็ได้ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท เดือนหนึ่งก็ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท หนึ่งปีก็ประมาณ 4 แสนกว่าบาท
ยางเป็นรายได้หลัก ส่วน ใบเหลียง จะเป็นรายได้เสริมที่ปลูกไว้ โดย ใบเหลียง ขายแบบกำ กับขายแบบกิโล ขายกำละ 10-15 บาท ถ้าเป็นกิโล ขายกิโลละ 75 -100 บาท โดยการขายแบบกำ จะไปส่งที่ตลาดให้กับแม่ค้าที่เขาทำห่อหมก ส่วนแบบกิโลขายทางออนไลน์ ขายกิโลละ 85 บาท แยกค่าส่งต่างหาก ซึ่งรายได้เสริมจากใบเหลียง ประมาณ 5,000 -10,000 บาท ต่อเดือน ปีหนึ่งประมาณ 50,000-ุ60,000 บาท
เขายังบอกว่า ที่เลือก ผักเหลียง มาปลูกเสริมในสวนยาง เพราะมองว่า ผักเหลียง เป็นพืชประจำถิ่นของจังหวัดชุมพรอยู่แล้ว และตัวเขาเองก็มีพันธุ์อยู่แล้ว สามารถที่จะตอนกิ่งแล้วนำมาปลูกในสวนยางพาราได้เลย และถ้าคนอื่นสนใจจะหาพันธุ์ผักเหลียง ตนก็จะทำเป็น ตุ้มตอนจำหน่าย ตุ้มละ 10 บาท
นอกจากการปลูกผักเหลียงในสวนยางพาราแล้ว ยังมีไม้เศรษฐกิจอีกหลายชนิดที่ปลูกผสมผสานกันไประหว่างแถวยางพารา อาทิ มะฮอกกานี ตะเคียนทอง พยุง พะยอม ยางนา กันเกรา ซึ่งเมื่อไม้เศรษฐกิจเหล่านี้ เก็บเกี่ยวได้ ก็จะทำเงินให้เจ้าของสวนได้ไม่แพ้ยางพาราเลยทีเดียว
“การทำเกษตรแบบผสมผสาน อาจไม่ใช่คำตอบของความร่ำรวยแบบรวดเร็ว แต่คือความมั่นคงบนแผ่นดินเดิม มีรายได้เพิ่ม เสริมเป็นความสุข มีหลักประกันรายได้ในอนาคตให้กับสมาชิกในครอบครัว”
