ปีนี้ปีทอง “ผลไม้ไทย” ประเมินผลผลิตมากถึง 5.36 ล้านตันเพิ่มขึ้น 11% ทำรายได้ให้ประเทศมหาศาล

เมื่อวันก่อนเห็นข่าว “ผลไม้ไทย” เหินฟ้าตรงสู่ตลาดจีน รมว.พาณิชย์ ลุยส่งผลไม้ไทยกว่า 200 เที่ยวบิน จำนวน 35,600 ตัน

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออก “ผลไม้ไทย” ทั้งผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง ผลไม้แห้งและผลไม้แปรรูปในปี2565 เป็นมูลค่า 280,000ล้านบาท เพิ่มจากการส่งออกในปี2564 ซึ่งมีมูลค่า250,000ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 30,000 ล้านบาท

และปีนี้ ( 2565 ) ประเมินว่า “ผลผลิตผลไม้” จะมีปริมาณมากถึง 5.36 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11%

ผลผลิตคร่าว ๆ แยกเป็น “ทุเรียน” ปริมาณ 1.48 ล้านตัน เพิ่ม 26.26% , “มังคุด” ปริมาณ 3.88 แสนตัน เพิ่ม 43.30% , “ลำไย” ปริมาณ 1.69 ล้านตัน เพิ่ม 8.4% , “เงาะ” ปริมาณ 3 แสนตัน เพิ่ม 5.99%, “ลิ้นจี่” ปริมาณ 3.7 หมื่นตัน เพิ่ม 4% “ลองกอง” ปริมาณ 7.7 หมื่นตัน เพิ่ม 1% และ“มะม่วง” ปริมาณ 1.44 ล้านตัน เพิ่ม 5.24%

“ผลผลิตผลไม้”ทั้งหมด เป็นการบริโภคในประเทศสัดส่วน 30% และส่งออกไปขายต่างประเทศสัดส่วน 70%

35483
ผลไม้ไทยส่งออกต่างประเทศ

“ตลาดในประเทศ” ขายผ่านห้าง ตลาด รถเร่ ร้านอาหาร และแปรรูป

“ตลาดต่างประเทศ” ส่งออกไปจีนมากที่สุด ตามด้วย สหรัฐฯ ฮ่องกง เวียดนาม และมาเลเซีย

ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ปีนี้จึงน่าจะเป็น “ปีทอง” ของ “ผลไม้ไทย” อีกปีหนึ่ง และนับตั้งแต่ “ผลผลิตผลไม้” เริ่มออกสู่ตลาดก็ยังไม่มีปัญหาในเรื่อง“ราคาตกต่ำ” เป็นการเดินตามแผนที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ได้จัดทำมาตรการเอาไว้ล่วงหน้า คือ มาตรการ 17+1 โดยจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมาตรการเปิดด่านเพิ่มขึ้นมาเป็นมาตรการที่ 18 มีการ “ระบายผลไม้” ตามมาตรการ 17+1 ปริมาณ 2.44 แสนตัน เตรียม “สต๊อก” สำหรับทำผลไม้แช่เย็นแช่แข็ง 1.2 แสนตัน และระบายผลไม้ผ่านการจัดงาน “พาณิชย์ Fruit Festival 2022” อีก 1.45 แสนตัน

โดยงานพาณิชย์ Fruit Festival 2022 เป็นงานล่าสุด จัดขึ้นที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 2-8 พ.ค.2565 ที่ผ่านมา และยังมีการเปิดจุดจำหน่ายทั่วประเทศอีก 10,092 จุด ประกอบด้วยห้างโมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีก-ส่ง ร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น โดยเป็นจุดในกรุงเทพฯ และรถเร่ 500 จุด ที่เหลือเป็นต่างจังหวัด

ปรากฏว่า ได้รับการ “ตอบรับ”จากผู้บริโภคเป็นอย่างดี มีการเข้าไปเลือกซื้อผลไม้กันอย่าง “คึกคัก” โดยเฉพาะทุเรียน

สำหรับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาด “จีน” ที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุด ที่ไทยส่งออกถึง 90% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด แยกเป็น “การขนส่งทางเรือ” ปริมาณ 3.9 แสนตัน คิดเป็น 83% ของการขนส่งทั้งหมด ผ่าน 5 สายเรือ คือ Cosco , SITC, หยางหมิง, Maersk และ Wanhai โดยขึ้นที่ท่าเรือเซอโข่ว 26.5% ท่าเรือหนานซา 20% ฮ่องกง 20% จ้านเจียน 13.5% ซินโจว 13.5 เซี่ยเหมิน 6.5%

“การขนส่งทางอากาศ” ปริมาณ 3.6 หมื่นตัน คิดเป็น 6.5% เตรียมไว้ 3 ท่าอากาศยานของจีน คือ 1.กว่างโจว 80% 2.เซินเจิ้น 13% 3.คุณหมิง 7% โดย 4 สายการบิน คือ 1.การบินไทย 2.ไทยไลออนแอร์ 3.แอร์เอเชียเอ็กซ์ 4.ไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ ที่เหลืออีก 10.5% เป็น “การขนส่งทางบก” ไปสู่ 4 ด่านของจีน คือ โม่ฮาน โหย่วอี้กวาน ตงซิง และผิงเสียง

ขณะเดียวกันกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมดำเนินมาตรการอื่น ๆ เช่น การจัดงาน “Thai Fruits Golden Months” จำนวน 8 ครั้ง ใน 8 เมืองหลักของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ชิงต่าว หนานหนิง เฉิงตู เซินเจิ้น เซี่ยเหมิน หนานชาง และคุนหมิง การจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย “ผลไม้ไทย” ร่วมกับผู้นำเข้า ห้างสรรพสินค้า และช่องทางออนไลน์ในประเทศต่าง ๆ

ที่เด็ดสุด จะเป็นการจัดกิจกรรมในช่วงการจัดงาน THAIFEX-Anuga Asia 2022 วันที่ 24-28 พ.ค.2565 และข่าวว่า จะมีการร่วมมือกับ “แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง” จัด “ไลฟ์สด” ขายผลไม้ไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของแผนส่งเสริมและผลักดันการส่งออกผลไม้ในปีนี้

เห็นแบบนี้แล้ว ดีใจกับชาวสวนผลไม้ เพราะถ้าไม่มี “ปัญหา” หรือ “วิกฤต” อะไรมาซ้ำเติม

ปีนี้ น่าจะเป็น “ปีทอง” อีกปีหนึ่ง

ขอบคุณ ข้อมูลกระทรวงพาณิชย์