ช่วงนี้ฝนตก สวนพริก ระวังโรคเน่าเปียกหรือโรคราขนแมว

ในช่วงนี้มีฝนตกและมีความชื้นสัมพัทธ์สูง กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพริกเฝ้าระวังการระบาดของโรคราขนแมว สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพริก มักพบที่ยอดอ่อนและกิ่งอ่อน โดยแสดงอาการมีแผลช้ำฉ่ำน้ำ และแผลจะขยายลุกลามลงมาตามกิ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้กิ่งแห้งหักพับ หากต้นพริกแสดงอาการรุนแรง ใบและดอกพริกจะร่วงจนเหลือแต่ก้าน และต้นพริกจะไม่มีการแตกยอดใหม่ ส่วนที่ผลอ่อนจะเกิดอาการช้ำฉ่ำน้ำ เน่า และหลุดร่วงได้ง่าย

%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7 3

กรณีที่ในอากาศมีความชื้นสูงมาก ๆ จะเห็นก้านใสของเชื้อราชูสปอร์คล้ายขนแมวขึ้นมาจากส่วนของพืชที่เป็นโรค ส่วนปลายของก้านใสที่เป็นส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อราจะเห็นกลุ่มสปอร์เป็นตุ่มสีดำ สปอร์เชื้อราสาเหตุโรคสามารถปลิวแพร่ระบาดไปสู่พริกต้นอื่นได้โดยง่าย เนื่องจากอาศัยติดไปกับสิ่งที่เข้าไปสัมผัส อาทิ น้ำ ลม ฝน น้ำค้าง และแมลง ทำให้เกิดการระบาดรุนแรงมากยิ่งขึ้น

%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81 2
โรคราขนแมว

เกษตรกรควรหมั่นสำรวจตรวจแปลงและกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกพริกอย่างสม่ำเสมอ และควรปรับระยะปลูกพริกไม่ให้แน่นจนเกินไป เพื่อลดความชื้นในแปลงปลูก และมีอากาศถ่ายเทสะดวก ในช่วงที่อากาศมีความชื้นสูงและร้อนอบอ้าว หากเริ่มพบต้นพริกแสดงอาการยอดช้ำ หรือสังเกตเห็นยอดพริกมีเชื้อราเกิดขึ้น ให้เกษตรกรรีบตัดส่วนที่เป็นโรคใส่ถุงหรือภาชนะปิดตั้งแต่ในแปลงปลูก หรือหากพบต้นที่แสดงอาการของโรครุนแรง ให้รีบถอนต้นพริกและเก็บเศษซากพืชส่วนที่เป็นโรคออกจากแปลงไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสปอร์เชื้อราสาเหตุโรค

จากนั้น ให้พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชไดโคลแรน 75% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไตรโฟรีน 19% อีซี อัตรา 20-30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไอโพรไดโอน 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นทุก 5 วัน กรณีพบการระบาดของโรค ให้เกษตรกรหลีกเลี่ยงการให้น้ำแบบพ่นฝอย