วันที่ 30 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้าการส่งออกข้าวของไทย และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวไทยตั้งแต่ปี 2563-2567 ผลักดันไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและการตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยนายกเชื่อมั่นว่าการส่งออกข้าวไทย ปี 2566 จะเป็นไปตามการคาดการณ์ ที่ยอดมากกว่า 8 ล้านตัน และไทยกลับมาเป็นอันดับที่ 2 ประเทศส่งออกข้าวของโลก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันดำเนินการปรับปรุงสายพันธุ์ข้าว เพิ่มความหลากหลายของข้าวไทยให้ผู้บริโภค โดยเร่งพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่อย่างน้อย 12 พันธุ์ ภายใน 5 ปี แต่ผ่านการดำเนินการช่วง 3 ปีแรก ไทยส่งเสริมได้ 21 สายพันธุ์ ถือว่าดำเนินการได้มากกว่าเป้าหมาย รวมทั้งยอดส่งออกข้าวในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 นี้ เป็นไปอย่างน่าประทับใจ มีตัวเลขสูงถึง 2.62 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.41
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลผลักดันให้เกิดการกระชับสัมพันธ์คู่ค้าสำคัญ และการหากลุ่มลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมตลาดข้าวมากขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย ได้แก่ อิรัก อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา และจีน ประกอบกับ ที่ผ่านมาไทยเพิ่มโอกาสทางการค้าด้วยการจัดคณะผู้แทนเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ เช่น ฮ่องกง จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และแอฟริกาใต้ และเพิ่มโอกาสด้วยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ เช่น งาน China–ASEAN Expo (จีน) งาน Fine Food (ออสเตรเลีย) และงาน ANUGA (เยอรมนี) เป็นต้น ซึ่งรวมทั้ง จัดงานแสดงสินค้าในประเทศ อาทิ THAIFEX–ANUGA ASIA 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีและความโดดเด่นของข้าวไทย สร้างการรับรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย ภายใต้แนวคิด “Think Rice Think Thailand” อีกด้วย
“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในความร่วมมือจากการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน เชื่อมั่นว่ายอดการส่งออกข้าวจะเพิ่มขึ้นเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ข้าวไทยมีคุณภาพ สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการสนับสนุนทั้งหมดนี้ เชื่อมั่นว่าส่งเสริมการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น ทำให้การส่งออกขยายตัว เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องชาวนาไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น” นายอนุชาฯ กล่าว