ครม.อนุมัติงบกลางวงเงิน 107.24 ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์เบิกจ่ายสำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม

ครม.อนุมัติงบกลางวงเงิน 107.24 ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์เบิกจ่ายสำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม และให้เสนอ กกต. เห็นชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169(3)ก่อน สำนักงบประมาณจึงจะจัดสรรงบได้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 ก.ค. 66 อนุมัติงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเบิกจ่ายโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม งวดที่3 และงวดสุดท้าย จำนวนเงินรวม 107.24 ล้านบาท และให้ดำเนินการเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาต่อไป

IMG 70006 20230705134629000000 scaled
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

สำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มฯ เคยได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 63 และ 14 ก.ค. 63 ให้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้ดำเนินโครงการภายในกรอบงบประมาณ 372.52 ล้านบาท เพื่อให้สามารถนำข้อมูลปริมาณน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในการกำกับดูแลและบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบได้รวดเร็ว ทันสถานการณ์ สามารถรักษาสมดุลและพยุงราคาผลปาล์มน้ำมันภายในประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการขอรับจัดสรรงบจากสำนักงบประมาณเพื่อจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างแก่ผู้รับจ้างตามงวดงานแล้ว 2 งวด  ยังเหลืองวดที่3 จำนวน 69.71 ล้านบาท และงวดสุดท้าย 37.53 ล้านบาท รวม 107.24 ล้านบาทซึ่งไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทัน ทำให้วงเงินที่เคยได้รับอนุมัติไว้ถูกพับไปโดยกฎหมาย ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงมีความจำเป็นต้องขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยงบประมาณดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 169(3) บัญญัติให้ ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งต้องไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน  ประกอบกับ ครม. เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 66 ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติและขั้นตอนการดำเนินงานตามมาตรา 169(3)  ของรัฐธรรมนูญว่า การอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องทำเท่าที่จำเป็นและต้องได้รับความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะทำได้เฉพาะที่เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือที่ได้รับการจัดสรรไปแล้วแต่ไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วน  โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอความเห็นชอบจาก ครม. ก่อนแล้วจึงเสนอให้ กกต. พิจารณาให้ความเห็นต่อไป

โดยในเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า หากไม่มีเงินรองรับการเลิกจ่ายงวดงานตามสัญญาจ้างอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้  ดังนั้น ภายหลังได้รับอนุมัติจาก ครม. แล้วจึงให้ดำเนินการตามมาตรา169(3) และเมื่อ กกต. ให้ความเห็นชอบแล้ว สำนักงบประมาณจึงจะจัดสรรงบประมาณตามโครงการการต่อไป