
“ศูนย์ข้าวชุมชนนาแปลงใหญ่ตำบลเกาะแก้ว” จัดตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๒ สมาชิกแรกตั้ง ๓๓ ราย สมาชิกปัจจุบัน ๓๘ ราย
ประธานศูนย์ นายเกียรติ อาจภักดี
ที่ทำการศูนย์ หมู่ที่ ๑ ตำบลเกาะแก้ว อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์

ผลงานดีเด่น
ความคิดริเริ่ม
การจัดการกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทําให้องค์กรมีความเข้มแข็ง มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
-มีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาการผลิตจากเกษตรกรรมแบบใช้สารเคมีสู่การผลิตข้าวอินทรีย์ทั้งชุมชน และพัฒนาสู่การตรวจรับรองมาตรฐานต่างประเทศ เพื่อยกระดับราคาข้าวของกลุ่ม

-กลุ่มมีแนวคิดในการพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพสังคมในปัจจุบัน กล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่ ๆ เปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการตามบริบทของสังคมที่มี การเปลี่ยนแปลงโดยเน้นเรื่องความปลอดภัยในสุขภาพของสมาชิกในชุมชนเป็นสำคัญจึงทำให้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับเปลี่ยนจากการทำนาเคมีมาเป็นการทำนาอินทรีย์อย่างเต็มรูปแบบ ใช้นวัตกรรมการผลิตแบบเกษตรสมัยใหม่ ผสมผสานเกษตรกรรมธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ ภายใต้ทรัพยากรที่มีในพื้นที่เดิม เช่น ไม้ไผ่อัจฉริยะเพื่อวัดระดับน้ำในสระน้ำพระราชทาน การพยากรณ์น้ำเพื่อใช้วางแผนการทำนา การปรับระดับดินด้วยแสงเลเซอร์ (Laser land leveling) ใช้ GPS จับพิกัดวาดแปลงนาและคำนวณพื้นที่ปลูกให้สอดคล้องกับ Agri map มีการทำนาหยอดข้าวแห้งแบบติดรถแทรกเตอร์ในพื้นที่น้ำน้อย และการสุ่มตัวอย่างดินเพื่อตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารร่วมกับกรมพัฒนาที่ดิน

-นำระบบการทำเกษตรผสมผสานมาใช้ในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ได้แก่ การเลี้ยงปลา ปลูกผัก ไม้ผลและพืชหลังนา ชุมชนพึ่งพาตนเองได้แม้สถานการณ์ไม่ปกติ เช่น การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
-การยอมรับของสมาชิกและชุมชนทั้งในเรื่องการบริหารองค์กร การพัฒนาองค์กร การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิก การผลิต การตลาด การสร้างเครือข่าย การประชาสัมพันธ์ การมีส่วนร่วมในชุมชนกิจกรรมที่เกิดประโยชน์กับองค์กรและชุมชน

-พัฒนาชุมชนเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรและมีความยั่งยืนทั้งความยั่งยืนทางเศรษฐกิจผสานวัฒนธรรมที่หลากหลาย (เชื้อสายลาว เขมร กูย)และมีชื่อเสียงในการเป็นชุมชนที่ยกระดับผลผลิตและคุณภาพผลผลิตข้าวด้วยองค์ความรู้ภาคราชการ เอกชน และสถานศึกษา
-สร้างรายได้จากพืชหมุนเวียน พืชหลังนาด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยวชมทุ่งปอเทืองและการจำหน่ายผลผลิตจากพืชหลังนา เป็นต้น

-ผลิตสารชีวภัณฑ์ และปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองภายในกลุ่ม มีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นที่ยอมรับของชุมชน
ความสามารถในการบริหารและการจัดการสถาบัน
การเตรียมการ เช่น ศูนย์มีที่ตั้งชัดเจน มีการจัดตั้งและดําเนินกิจกรรมโดยต่อเนื่อง
- ศูนย์มีที่ตั้งอย่างชัดเจนและมีกิจกรรมด้านต่าง ๆอย่างต่อเนื่อง
- มีการจัดทำแผนปฏิบัติงานประจำาปี โดยกำหนดกิจกรรมที่ต้องทำาร่วมกันอย่างชัดเจนตามช่วงระยะเวลา
- มีการกำหนดเป้าหมายการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและการผลิตข้าวคุณภาพดี

การทําแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์
-สมาชิกสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองได้ทุกครัวเรือน
-กลุ่มมีการจัดแบ่งพื้นที่เป็น ๒ ส่วน เพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในพื้นที่ ๒๗๗ ไร่ เกษตรกร ๓๓ รายโดยมีข้อตกลงของกลุ่มอย่างน้อยรายละ ๕ ไร่ และการผลิตข้าวคุณภาพดี
-มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารงานภายในกลุ่มโดยแบ่งเป็นคณะกรรมการด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการผลิต การบริหารจัดการน้ำ การควบคุมคุณภาพ การตลาด การบริหารกองทุน และการประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่สมาชิกภายในกลุ่มและสู่ชุมชนภายนอก

-กลุ่มมีความมุ่งมั่นในการผลิตแบบอินทรีย์และพร้อมเข้าสู่ระบบการรับรองมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ และมาตรฐานสินค้าเกษตรจากหน่วยงานต่าง ๆ
-ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก ๓๓ ราย พื้นที่ ๒๗๗ ไร่ แสดงผลการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ ๓ ปี ย้อนหลัง มีปริมาณ รวมทั้งสิ้น ๔๓๕.๙๘ ตัน
การกระจายพันธุ์
-มีการกระจายเมล็ดพันธุ์ที่ชัดเจนและมีความก้าวหน้าในการกระจายเมล็ดพันธุ์
-กลุ่มมีการประชาสัมพันธ์กลุ่มผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook และ Youtube
-กลุ่มมีการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านการตลาดเมล็ดพันธุ์ดีและข้าวคุณภาพ กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่แน่นอนทุกปี เช่น มูลนิธิชัยพัฒนา ๗๐% เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน นวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ จังหวัดสุรินทร์ (OASIS)๒๕% และกลุ่มเกษตรกรและเกษตรกรทั่วไป ๕%
การถ่ายทอดเทคโนโลยี
-โดยผู้นำากลุ่มมีการถ่ายทอดประสบการณ์จากการเข้าอบรมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก เช่น การรับรองการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวตามระบบ GAP การผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์มา การวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน การพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์ การผลิตข้าวคุณภาพและมาตรฐานสินค้าข้าว
-กลุ่มมีการสร้างวิทยากรประจำกลุ่มเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้แก่สมาชิกกลุ่ม ชุมชน ทายาทเกษตรและหน่วยงานอื่นที่มาศึกษาดูงาน
-กลุ่มมีการพัฒนาพื้นที่ของสมาชิกกลุ่มให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เช่น การทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพและแปลงสาธิตการผลิตข้าวอินทรีย์ เป็นต้น
บทบาทและการมีส่วนร่วมของสมาชิกต่อสถาบัน
ตามเกณฑ์กําหนดมาตรฐานศูนย์ข้าวชุมชน คือ มีคณะกรรมการศูนย์ มีการกําหนดภารกิจและบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ มีระเบียบกฎเกณฑ์บริหารกลุ่ม
-กลุ่มมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารงานกลุ่ม เช่น ประธาน รองประธาน เลขานุการ เหรัญญิก ปฏิคมและกรรมการอื่น พร้อมทั้งกำาหนดบทบาทหน้าที่ กำหนดกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อตกลงร่วมกันตลอดจนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่ชัดเจน
-กลุ่มมีการจัดตั้งคณะกรรมการด้านต่าง ๆเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น เช่น
๑) ด้านการผลิต เพื่อบริหารจัดการยืม – คืน เมล็ดพันธุ์ดูแลในเรื่องการผลิตเมล็ดพันธุ์และการผลิตข้าวคุณภาพ ตลอดกระบวนการผลิตตั้งแต่การวางแผนการผลิต การเตรียมเมล็ดพันธุ์ การเตรียมพื้นที่ วิธีการปลูก การดูแลรักษา การตรวจตัดพันธุ์ปน การเก็บเกี่ยว การคัดรวง และกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว
๒) ด้านการบริหารจัดการน้ำ ดูแลการบริหารจัดการน้ำ บันทึกข้อมูลการวัดระดับน้ำในสระน้ำพระราชทานและควบคุมการส่งน้ำไปยังแปลงนาสมาชิกเกษตรกรในกลุ่มและในชุมชน
– ด้านการควบคุมคุณภาพ ดูแลระบบควบคุมคุณภาพของกลุ่ม การตรวจสอบคุณภาพในแปลงรวมถึงการสุ่มเมล็ดพันธุ์ เพื่อส่งตรวจสอบคุณภาพในห้องปฏิบัติการ
-ด้านการตลาด ดูแลการรับซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวของสมาชิกที่ผ่านมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ และการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และข้าวคุณภาพสู่เกษตรกรผู้ใช้เมล็ดพันธุ์และตลาดทั่วไป
-ด้านการบริหารกองทุน ดูแลบริหารจัดการการเงินของกลุ่ม จัดทำบัญชีรับ – จ่าย ให้เป็นปัจจุบันและสามารถตรวจสอบได้
-การมีบทบาทหน้าที่ต่าง ๆ ของสมาชิก ในการให้การต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมศูนย์ข้าวชุมชน
มีการประชุมคณะกรรมการอย่างต่อเนื่อง
-กลุ่มมีการประชุมคณะกรรมการอย่างต่อเนื่องและมีการจดบันทึกรายงาน
-สมาชิกกลุ่มมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ มีความตั้งใจ ให้ความร่วมมือในการร่วมกันพัฒนากลุ่มให้เข้มแข็ง เติบโต จนเป็นที่ยอมรับของสมาชิกชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้กลุ่มสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมั่นคง
-สมาชิกกลุ่มนำเครื่องจักรกลทางการเกษตรมาบริหารจัดการในการใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกแก่สมาชิกกลุ่ม เพื่อให้ได้ผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพ
-มีการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ชัดเจนตามข้อตกลงร่วมกันของกลุ่ม เช่น การส่งกำไรจากการจำหน่ายข้าวของสมาชิกแต่ละรายให้เป็นรายได้กลุ่ม
-มีการวางแผนการผลิต การจัดการแปลงร่วมกันภายในกลุ่มตั้งแต่การเลือกพื้นที่ การเตรียมเมล็ดพันธุ์ การเตรียมพื้นที่ การปลูกการดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว การจัดการพื้นที่หลังการเก็บเกี่ยวตลอดกระบวนการผลิต จัดสรรพื้นที่สำหรับผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และการผลิตข้าวคุณภาพอย่างชัดเจน
การมีส่วนร่วมของสมาชิก องค์กรท้องถิ่นและชุมชน
-มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนอย่างต่อเนื่อง ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อพัฒนากลุ่มและชุมชน เช่น การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่ตนเองมีและแรงงานในการสร้างศาลาที่ประทับ การปลูกและดูแลไม้ผลริมถนนที่สมาชิกในชุมชนสามารถเก็บกินได้
-สมาชิกกลุ่มมีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์กลุ่มผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การเป็นวิทยากร การนำข้าวเข้าร่วมประกวดข้าวหอมมะลิ การร่วมกันจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์หน้าหมู่บ้าน ผ่านทางช่องทาง onlineเช่น Facebook และ Youtube เป็นต้น
-การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ของสมาชิกภายในกลุ่มและนอกกลุ่มที่มีองค์ความรู้แตกต่างกันซึ่งสมาชิกมีความรู้ที่หลากหลาย บริเวณบ้านพักอาศัย พื้นที่ทำนาของสมาชิก และพื้นที่สาธารณประโยชน์ จัดทำเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านปุ๋ยหมัก และน้ำหมักชีวภาพ
ความมั่นคงและฐานะทางเศรษฐกิจของสถาบัน
การมีกองทุนหมุนเวียน มีคณะกรรมการบริหารกองทุน
- มีกองทุนหมุนเวียน โดยมีคณะกรรมการด้านการบริหารกองทุนเป็นผู้ดำเนินงาน
- มีบัญชีแสดงรายรับ – รายจ่าย ของกลุ่ม
- มีรายได้จากหลายช่องทาง เช่น
- การสนับสนับสนุนจากภาครัฐ
- ค่าหุ้นของสมาชิก
- เงินรางวัลต่าง ๆ ที่กลุ่มได้รับ
- กำไรจากการจำหน่ายผลผลิตของสมาชิก
- เงินคืนสังคมจากการเข้าร่วมการค้าที่เป็นธรรม(Fair trade)
- เงินบริจาคจากสมาชิกเพื่อใช้ในโอกาสต่าง ๆในการช่วยเหลือชุมชน
- ค่าให้บริการเครื่องหยอดข้าวและเครื่องโรยปุ๋ย
- รายได้จากพืชหลังนาของสมาชิก
มีระเบียบบังคับ - กลุ่มมีข้อตกลงในการบริหารจัดการกองทุน
ที่ชัดเจน - กลุ่มมีการจัดทำบัญชี รายรับ-รายจ่ายของกลุ่ม
- กลุ่มมีการระบุแหล่งที่มาของกองทุนหมุนเวียนที่ชัดเจน ดังนี้
- หุ้น (อย่างน้อยคนละ ๕ หุ้น หุ้นละ ๑๐๐ บาท)
- รายได้การจำาหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวของสมาชิก
- เงินรางวัลจากการประกวด
- รายได้ค่าให้บริการเครื่องหยอดข้าวและเครื่องโรยปุ๋ย
- รายได้จากอาชีพหลังนา เช่น เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว ถั่วพร้า ปอเทือง กระเจี๊ยบ การเลี้ยงโค กระบือและเลี้ยงปลา เป็นต้น
จํานวนเงินกองทุน แหล่งที่มาของเงินกองทุนและการใช้ประโยชน์
- กลุ่มมีทรัพย์สิน คือ เครื่องโรยปุ๋ย เครื่องวัด ความชื้นเมล็ดพันธุ์ข้าว และอุปกรณ์ต่อพ่วงเครื่องโรยปุ๋ย
- กลุ่มมีการใช้ประโยชน์จากกองทุน ดังนี้
- ค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานของสมาชิก ๒๕%
- ทุนในการศึกษาดูงาน ๑๐%
- บริจาคหรือสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ๑๐%
- สวัสดิการสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือสมาชิก ๕%
- ทุนในการจัดตั้งสำนักงานกลุ่ม ๕%
- ทุนรักษาระดับเพื่อการขอรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ๒%
- ทุนสำรองเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ๑๓%
- ปันผลสมาชิก ๓๐%
- กลุ่มมีการจัดเก็บข้อมูลต้นทุนการผลิตและรายได้โดยสมาชิกกลุ่มได้รับการอบรมและมีการจดบันทึกบัญชีครัวเรือน รายรับ-รายจ่าย รายได้ – ค่าใช้จ่าย
การทำกิจกรรมด้านสาธารณประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
บทบาทการมีส่วนร่วมพัฒนาหมู่บ้านหรืองานสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
-กลุ่มมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของชุมชนและประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ เช่น วันสงกรานต์ รดน้ำดำหัว พิธีแซนโฏนตา (พิธีไหว้บรรพบุรุษของพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) ร่วมทำบุญในโอกาสต่าง ๆ
-มีพื้นที่ทำแปลงเรียนรู้ให้โรงเรียน และให้นักเรียนทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำนาอินทรีย์ ผลิตปุ๋ย และน้ำหมักชีวภาพ เป็นต้น
-มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนในพื้นที่
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-กลุ่มมีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนขยะในแปลงนาให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) เพื่อให้สอดคล้องกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาโลกร้อน โดยกลุ่มมีแนวคิดในการทำการเกษตรแบบเกษตรกรรมยั่งยืน หรือเกษตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการฟื้นฟูธรรมชาติ โดยใช้หลักการเกษตรอินทรีย์ เช่น การไถกลบตอซังแทนการเผา การใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด เช่น ถั่วพร้า ปอเทือง ปุ๋ยคอกจากโค-กระบือ การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาและเชื้อราบิวเวอร์เรียเพื่อควบคุมศัตรูพืช
-มีการปลูกไม้ผลเพื่อประโยชน์ของสาธารณะในการเก็บผลผลิตได้
-มีความสามัคคีในการดำาเนินการกิจกรรมต่าง ๆโดยพึ่งพาทรัพยากรในพื้นที่เป็นหลัก มีการฟื้นฟูรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์




