กรมส่งเสริมการเกษตรเผยผลสำเร็จ 9,961 แปลงใหญ่ทั่วประเทศ สร้างเม็ดเงินกว่า 103,171 ล้านบาท

กรมส่งเสริมการเกษตร เผยตัวเลขความสำเร็จโครงการแปลงใหญ่ทั่วประเทศ 9,961 แปลงดำเนินการตั้งแต่ปี 2559-2566 สร้างเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจจากการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้กว่า 103,171 ล้านบาท ผ่านมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร และมาตรฐานอื่น ๆ เกือบ 200,000 ราย และพัฒนาเกษตรกรสู่ Smart Farmer อีก 1,202 ราย

S 3997778
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงความสำเร็จและผลการดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจจุบันว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร ขับเคลื่อนงานมาตั้งแต่ปี 2559 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตสินค้า ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐาน มีการบริหารจัดการแปลงที่ดี และมีตลาดรองรับที่แน่นอน ตั้งเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2579 จำนวน 14,500 แปลง พื้นที่ 30 ล้านไร่ ใน 77 จังหวัด

S 3997776
แปลงใหญ่ทั่วประเทศ สร้างเม็ดเงินกว่า 103,171 ล้านบาท

“เกษตรกรที่จะเป็นแปลงใหญ่จะต้องรวมกลุ่มกันไม่น้อยกว่า 30 ราย มีพื้นที่รวมกันไม่น้อยกว่า 300 ไร่ ในประเภทต่าง ๆ เช่น ข้าว พืชไร่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พืช ผัก ไม้ดอกไม้ประดับ ปศุสัตว์ แมลงเศรษฐกิจ ประมง และพืชอื่น ๆ มีแนวทางสนับสนุนและพัฒนาแปลงใหญ่แต่ละแปลงในระยะเวลา 3 ปีข้อมูลล่าสุดถึงเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 พบว่ามีการจัดตั้งแปลงใหญ่ทั่วประเทศแล้วจำนวน 9,961 แปลง  มีเกษตรกรเข้าร่วม 540.668 ราย พื้นที่ 8,5361,775 ไร่ และจากการดำเนินงานสะสม 7 ปี ที่ผ่านมาพบว่า มีมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุนการผลิตได้ 37,300.58 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิตได้ 65,871.18 ล้านบาท รวม  103,171.76 ล้านบาท ดังนี้ 

S 3997779
แปลงใหญ่ทั่วประเทศ สร้างเม็ดเงินกว่า 103,171 ล้านบาท

1.แปลงใหญ่ปี 2559 (แปลงปีที่ 7) สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในการผลิตสินค้าจากการลดต้นทุนได้ 8,082.65 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิต 11,806.69 ล้านบาท รวม 19,889.34 ล้านบาท 

S 3997780
แปลงใหญ่ทั่วประเทศ สร้างเม็ดเงินกว่า 103,171 ล้านบาท

2.แปลงใหญ่ปี 2560 (แปลงปีที่ 6) เพิ่มมูลค่าจากการลดต้นทุนได้ 11,261.88 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิต 
ได้ 16,022.31 ล้านบาท รวม 27,284.19 ล้านบาท

S 3997781
แปลงใหญ่ทั่วประเทศ สร้างเม็ดเงินกว่า 103,171 ล้านบาท

3.แปลงใหญ่ปี 2561 (แปลงปีที่ 5) เพิ่มมูลค่าจากการลดต้นทุน ได้ 7,110.03 ล้านบาท เพิ่มผลผลิตได้ 10,815.44 ล้านบาท รวม 17,925.47 ล้านบาท

4. ปี 2562 (แปลงปีที่ 4) เพิ่มมูลค่าจากการลดต้นทุน ได้ 5,673.57 ล้านบาท เพิ่มผลผลิต 8,344.74 ล้านบาท รวม 14,018.31 ล้านบาท

5. แปลงใหญ่ปี 2563 (แปลงปีที่ 3) เพิ่มมูลค่าจากการลดต้นทุนได้ 3,119.01 ล้านบาท เพิ่มผลผลิตได้ 7,732.13 ล้านบาท รวม 10,851.14 ล้านบาท

S 3997783
แปลงใหญ่ทั่วประเทศ สร้างเม็ดเงินกว่า 103,171 ล้านบาท

6.แปลงใหญ่ปี 2564 (แปลงปีที่ 2) เพิ่มมูลค่าจากการลดต้นทุนได้ 1,662.67 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิตได้ 7,968.93 ล้านบาท รวม 9,631.60 ล้านบาท

และ7. แปลงใหญ่ปี 2565 (แปลงปีที่ 1) สามารถเพิ่มมูลค่าจากการลดต้นทุนได้ 390.77 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิตได้ 3,180.94 ล้านบาท รวม 3,571.71 ล้านบาท

S 3997784
แปลงใหญ่ทั่วประเทศ สร้างเม็ดเงินกว่า 103,171 ล้านบาท

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า ส่วนการพัฒนาคุณภาพ เกษตรกรแปลงใหญ่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร รวม 198,217 ราย ได้แก่ 1.GAP จำนวน 156,531 ราย 2.เกษตรอินทรีย์ จำนวน 23,690 ราย 3.RSPO (ปาล์มน้ำมัน) จำนวน 3,341 ราย และ 4.อื่นๆ (PGS กลุ่มรับรองตนเอง) จำนวน 14,655 ราย และมีการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน จำนวน 3,685 แปลง กลุ่มเกษตรกร  จำนวน 972 แปลง กลุ่มสหกรณ์ จำนวน 706 แปลง และกลุ่มอื่นๆ อีก จำนวน 4,553 แปลง นอกจากนี้ยังการพัฒนาเกษตรกรเป็นผู้จัดการแปลงในแปลงใหญ่อีกจำนวน 1,202 ราย เพื่อพัฒนาสู่ Smart Farmer หรือเกษตรอัจฉริยะในอนาคต 

“ส่วนการเชื่อมโยงการตลาดพบว่า ระหว่างปี 2559-2566 มีการทำตลาดข้อตกลงล่วงหน้า เช่น มี Contract Farming หรือทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือทำ MOU เชื่อมโยงกับผู้ซื้อรวมทั้งมีตลาด Modern Trade รับซื้อผลผลิต จำนวน 921 แปลง ตลาดอื่นๆ เช่นขายให้กับพ่อค้าหรือโรงงานแปรรูปในท้องถิ่นจำนวน 8,551 แปลง  และตลาด Online เช่น Facebook ไปรษณีย์ Lazada 24 Shopping อีก 489 แปลง นอกจากนี้ยังมีแปลงใหญ่ผักเชื่อมโยงกับ Modern Trade จำนวน 11 แปลง เช่น ขายให้กับกลุ่มบริษัทเทสโก้โลตัส กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล Big C และกลุ่มบริษัทแม็คโคร มั่นใจว่าการดำเนินงานแปลงใหญ่ทั่วประเทศในปีต่อไป จะทำให้เกษตรกรและส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์อย่างถ้วนหน้า ส่งผลดีต่อชีวิตเกษตรกร ความเป็นอยู่ในชุมชน และเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนและมั่นคงต่อไปในอนาคต” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว