เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มี นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม พิจารณาการอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ส.ว.อภิปรายว่า ตนได้รับร้องเรียนจากประชาชน เรื่องที่หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจพญานาคราช ของกระทรวงเกษตรฯ ได้อายัดยางของชาวบ้าน ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยให้ดำเนินคดีกับ หจก.นิติพงษ์การยาง เนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารที่มาของยางก้อนจำนวน 29 ตัน แต่อายัดไว้ 600 ตัน มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาทเศษ ซึ่ง หจก.ฐิติพงศ์การยาง เป็นผู้ประกอบการยางพารา อ.สังขละบุรี มีอาชีพทำสวนยาง และรับซื้อยางก้อนจากชาวบ้าน เพราะสงสัยที่มาของยาง 29 ตัน แต่ผ่านมา 1 เดือน ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ผ่านมา 6 เดือน แม้ชาวบ้านจะนำหลักฐานมาแสดง ก็ไม่ถอนอายัด จนยางก้อนเสียหาย จากยางสีขาว ก็กลายเป็นสีดำ เมื่อผู้ประกอบการทวงถาม ก็ได้รับคำตอบว่า ให้ไปเคลียร์กับที่ปรึกษารัฐมนตรี แต่ไม่บอกว่า รัฐมนตรีคนไหน หรือจะเป็นรัฐมนตรีที่กำลังวุ่นวายอยู่กับ ส.ป.ก. อุทยานเขาใหญ่ หรือไม่ ก็ไม่ทราบ
นพ.พลเดช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีทีมงานอีกชุดหนึ่งประกบตามมา มีคำขวัญว่า “เจอ จ่าย จบ ไม่จ่าย เป็นเจ็บ” ชาวบ้านเรียกทีมงานชุดนี้ว่า “ชุดสัมภเวสี” เรียกผู้ประกอบการไปคุย เรียกรับกล้วย 1 กิโลเป็นเครื่องเซ่น อำนวยความสะดวกถอนอายัด แม้เจ้าทุกข์จะเจรจาขอลดเหลือ 7 ขีดก็ไม่ยอม เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรี นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอิทธิพลจากอ่าวลึก จ.กระบี่ แจ้งความซ้ำ โทษฐานนำเข้ายางจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต นี่คือสัญญาณลากยาว บีบคั้น กลั่นแกล้ง ล่าอาณานิคมตีเมืองขึ้น มีโจรนั่งธรรมาสน์ นักปราชญ์ต้องพนมกร ชาวบ้านหากินสุจริตจะทำงานแบบใด ตั้งแต่ชุดเฉพาะกิจพญานาคราชเข้ามาทำงานใน อ.สังขละบุรี วิถีชีวิตประชาชนเปลี่ยนไปได้รับผลกระทบมากที่สุด
“ผมไม่อยากจะใช้ คำว่า บุฟเฟต์คาบิเนต สำหรับรัฐบาลชุดนี้ แต่ด้วยพฤติกรรม พยานหลักฐานที่ปรากฏ สื่อชัดถึงตัวอย่างของการใช้อำนาจ แต่งตั้งทีมงานนักการเมือง เข้าไปจัดสรรผลประโยชน์สินค้าเกษตรในพื้นที่ ซึ่งที่สังขละบุรี เป็นเพียงตัวอย่างเดียว ในจำนวน นับสิบนับร้อย ต่างคนต่างเข้าไปปล้นสะดม รีดไถชาวบ้านตามใจชอบ ราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ซ้ำเติมความทุกข์ยากของประชาชน เพราะที่นี่มันเป็นยางพารา ไม่ใช่ก้อนถ่าน ไม่ใช่ผงฝุ่น ไม่ใช่ธุลีดิน สำหรับเรื่องนี้ ใครคือเสือ ใครเป็นบรรดาแมลงวัน ก็คงชัดเจนในตัว จึงอยากฝากไปถึงนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหัวหน้าพรรคการเมือง รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ขอจงบำบัดปัดเป่า ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน และชาติบ้านเมือง ของเราด้วยเทอญ เพราะที่นี่ คือ ยางพารา ไม่ใช่แป้ง” นพ.พลเดชกล่าว
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลุกขึ้นชี้แจง หลังถูกอภิปรายพาดพิง ว่า เคยประกาศไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งว่าจะทำสงครามกับสินค้าเถื่อนทุกประเภท หลายท่านที่เป็นสมาชิกเป็นพี่เป็นน้อง และเคยพร่ำสอนให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่าหลงมัวเมากับอำนาจวาสนาและทรัพย์สินเงินทอง หลายท่านก่อนที่จะเข้ามาเป็น ส.ว.เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ตนรู้สึกศรัทธาในตรงนี้ แต่เมื่อได้ฟัง นพ.พลเดช พูดทำให้ตนรู้สึก ในทางที่ไม่ค่อยจะดี ทุกคำพูดโดยเฉพาะคำพูดสุดท้าย ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นถึงนายแพทย์ แต่ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทิ่มตำตน
ร.อ.เอกธรรมนัสกล่าวต่อว่า ตนไม่สามารถย้อนกลับอดีตได้ แต่เลือกที่จะทำอะไรเพื่อบ้านเมืองเพื่อแผ่นดิน และที่ตั้งคำถามว่าประชาชนชาวสังขละบุรีเดือดร้อน ขอถามกลับว่าประชาชนคนไหน เพราะประชาชนร้องว่ายางพาราส่งกลิ่นเหม็นกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทราบว่าผู้ประกอบการที่มาร้องคือเครือญาติของพวกท่าน ท่านบอกว่ากระทรวงเกษตรฯ โดยชุดพญานาคราชมีการเรียกรับผลประโยชน์ ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ อีกไม่กี่วันก็จะเกษียณแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ช่วยชี้แจงว่าเป็นบุคคลใด ที่ตนแต่งตั้งเป็นผู้ปราบปรามสินค้าเถื่อนแล้วเรียกรับผลประโยชน์ ขออย่ากล่าวหาแบบคลุมเครือไม่ชัดเจน เมื่อกล้าเปิดหน้าแล้ว ต้องพูดให้สุดว่ามันผู้นั้นคือใคร ที่บังอาจเรียกรับผลประโยชน์
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวด้วยว่า กรณีที่ตนลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เพราะได้รับร้องเรียนว่ามีกลุ่มพ่อค้าหัวใสไปปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะค่าแรงถูกต้นทุนการผลิตต่ำ และลักลอบนำมาขายในประเทศไทย สินค้าบางล็อตถูกส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ยืนยันรัฐบาลจริงจังในการแก้ไขปัญหายางพารา ส่งผลให้น้ำยางสดราคาพุ่งสูงถึงกว่ากิโลกรัมละ 90 บาท ยางรมควันเกือบ 3 หลัก ยืนยันไม่มีบัญชีนายบัญชีลูกน้อง
รมว.เกษตรฯ กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าการทำงานย่อมกระทบกับผู้เสียผลประโยชน์ซึ่งไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นกลุ่มนายทุนและพ่อค้าหัวใส ที่ทำมาหากินบนความยากลำบากของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และหลังจากนี้ตนจะไปสืบหาว่าบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์เป็นบริษัทเครือญาติของใคร และจะแถลงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ และประชาชนจะตัดสินใจเองว่าการบริหารราชการแผ่นดินของตนในฐานะ รมว.เกษตรฯ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตอบโจทย์พี่น้องประชาชนอย่างไร
“ชุดพญานาคราชทำงานโดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ไม่มีเบี้ยเลี้ยง ไม่ใช่ทำงานเฉพาะสายการเมือง มีทั้งอัยการสูงสุด ปปง.ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน การมาปรักปรำกล่าวหาโดยไม่มีรายละเอียด ตนมองว่าไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ที่ตั้งใจทำงานให้กับชาติบ้านเมือง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว