นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง เขต 3 ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีตรวจพบรถตู้คอนเทนเนอร์ต้องสงสัย 2 คัน บรรทุกสิ่งของภายใน และรถตู้คอนเทนเนอร์ 1 คัน เป็นรถเปล่า จอดอยู่ในโกดังไม้ยางพารา อ.แกลง จ.ระยอง ที่อ้างว่าเป็นสถานที่สำหรับจอดพักชั่วคราว ก่อนนำสินค้าในตู้ไปส่ง และเมื่อตรวจในตู้คอนเทนเนอร์พบเป็นทุเรียนแกะเนื้อนำเข้าจากเวียดนาม 2 คัน เมื่อถามหาเอกสารการครอบครองกลับไม่ปรากฎ
เช้าวันนี้ได้เข้าไปตรวจสอบที่โกดัง ดังกล่าว ไม่พบรถตู้คอนเทนเนอร์ที่จอดอยู่ด้านใน ทางเจ้าของซึ่งเป็นชาวจีน แจ้งว่า รถดังกล่าวที่บรรทุกทุเรียน 2 คัน ไปที่โรงงานทุเรียนแช่แข็ง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบโรงงานดังกล่าว ใน อ.แกลง พบ เป็นชื่อภาษาจีนและมีชาวจีนเป็นเจ้าของ เนื้อที่ราว 50 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 200 เมตร และมีสวนทุเรียนล้อมรอบ มีรั้วรอบขอบชิด
ตรวจพบว่า รถตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 2 คัน ถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ เจ้าของได้นำเอกสารการนำเข้ามาแสดงให้ดู พบมีการขออนุญาตการนำเข้าอย่างถูกต้อง แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่า ในโกดังแรก อุปกรณ์ เช่น ลัง ถุงแปะสติ๊กเกอร์ ระบุแหล่งกำเนิด คือ ประเทศไทย ที่เป็นภาษาจีนและอุปกรณ์อื่นๆหายไป
นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง เขต 3 เปิดเผยว่า เป็นที่น่าสังเกตุ เพราะหากการนำเข้าทุเรียนแกะเนื้อเวียดนามเข้าไทย เหตุใดจึงไม่นำเข้ามาอย่างปลายทางทันที และที่ยิ่งสงสัยกว่าเหตุใด ทำไมภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปล่อยให้มีการนำเข้าทุเรียนเพื่อนบ้านมาในไทย ทั้งที่ราคาซื้อขายทุเรียนในไทยลดลงอย่างมาก พร้อมได้ประสานงานไปยัง ผกก.สภ.บ้านกร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง ตรวจสอบรถตู้คอนเทนเนอร์เปล่าที่หายไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้ว่า มาทำอะไร และขอให้เกษตรจังหวัดระยอง ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังการขอนำเข้าทุเรียน ที่อ้างว่า นำมาแช่แข็งทั้งหมด เพื่อให้เป็นข้อมูลพิจารณาหาความผิดปกติหรือไม่
สส.จ.ระยอง ระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ไม่ได้นิ่งนอนใจ กับเรื่องดังกล่าว ได้ประสานมาและแจ้งว่า ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรอบครอบ หากเข้าข่ายผิดเรื่องใด ให้บังคับใช้กฎหมายจริงจัง
ทั้งนี้ สส.ระยอง เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้หามาตรการแก้ปัญหาการนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในประเทศไทยทุกประเภท เพราะเริ่มมีสินค้าหลายชนิดจากเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายในไทยจำนวนมาก จนทำให้สินค้าไทยขายไม่ได้