การเดินทางของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้นำคณะผู้แทนการค้าไทย เดินทางไป “เปิดตลาดการค้า การลงทุน และแสวงหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ”กับประเทศซาอุดิอาระเบีย การเดินทางไปครั้งนี้มีผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน 138 ราย ร่วมคณะ
จากการติดตามข่าว และได้รับข้อมูลจากทีมงานของนายจุรินทร์ ทำให้ทราบถึง “สิ่งที่เกิดขึ้น” และ “ผลงานที่เกิดขึ้น” ในช่วงการเดินทางไปเยือน
ส่วนจะมีอะไรบ้าง ลองอ่านกันดู
1.ขายสินค้าไทยให้ผู้นำเข้าซาอุดิอาระเบีย ที่ “ริยาด-เจดดาห์” ได้ “ยอดขาย” ทันทีถึง 2,200 ล้านบาท
2.ซุปเปอร์มาร์เก็ต Manuel ตอบรับที่จะ “นำเข้าอาหารไทย” มากขึ้น จาก 750 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท ในปี 2565
3.มีการลงนามร่วมจัดตั้ง “สภาธุรกิจไทย-ซาอุดิอาระเบีย” ขึ้นเป็นครั้งแรก และ “ตั้งเป้าร่วมกัน” จะทำให้ตัวเลข “การส่งออก” สินค้าไทยไปซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปี
4.ได้พบกับรัฐมนตรีของซาอุดิอาระเบียทีเดียว 5 คน ที่ดูแลกระทรวงพาณิชย์ ท่องเที่ยว อุตสาหกรรมและเหมืองแร่ การลงทุน และแรงงาน โดย “เห็นชอบ” ตามที่ไทยเสนอ คือ สนับสนุนให้มีการจัดทำ “ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับหรือ GCC” ซึ่งซาอุดิอาระเบียจะช่วยประสานกับอีก 5 ประเทศ คือ คูเวต การ์ตา โอมาน บาเรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้ด้วย
5.ซาอุดิอาระเบียเห็นชอบ “ข้อเสนอ” ของไทย ที่จะให้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ JTC” ขึ้นโดยเร็ว ตั้งเป้าให้สามารถจัดตั้งได้ในก่อนสิ้นปีนี้
6. ซาอุฯจะปรับเงื่อนไข “การออกวีซ่า” ให้กับนักธุรกิจไทยใหม่ โดยไม่ต้องมีเอกสารคำเชิญจากฝ่ายซาอุดิอาระเบียอีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ฝ่ายไทย
7. อย.ซาอุดิอาระเบีย หรือ SFDA ยินดีเร่งการเดินทางมา “ตรวจโรงงานผลิตไก่” ของไทย เพิ่มอีก 28 โรงงาน ตามที่ฝ่ายไทยได้ส่งรายชื่อให้ หากกรมปศุสัตว์กรอกเอกสารให้ซาอุดิอาระเบียครบถ้วน และยินดีให้ไทยส่งออก “ไก่ชำแหละเป็นชิ้นส่วน” นอกจาก” ไก่สด” ไปซาอุดิอาระเบียได้อีกด้วย
8.ซาอุดิอาระเบียยินดีพิจารณา “นำเข้าเนื้อชนิดอื่น” เช่น เนื้อวัว เนื้อแพะ จากไทย และยินดีร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตเนื้อกับนักธุรกิจไทยต่อไป
9.อย.ซาอุดิอาระเบีย ประสงค์จะร่วมมือทางวิชาการกับ “ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัยและพัฒนาสินค้าฮาลาลที่ได้คุณภาพมาตรฐานสากลต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยประสานงานให้
10.การเจรจากับบริษัทปุ๋ยรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย คือ SABIC กับผู้นำเข้าปุ๋ยไทย สามารถนำเข้าปุ๋ยในเดือนส.ค.2565 เพิ่มได้อีก 1 แสนตัน ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหา “ปุ๋ยขาดแคลน” ลงได้
ทั้งหมด เป็น “10 เรื่อง” ที่ “เกิดขึ้น” จากการเดินทางไปครั้งนี้
บางเรื่อง สามารถ “ทำได้” ทันที บางเรื่อง ต้องใช้ “ระยะเวลา” ในการดำเนินการ แต่ทุกเรื่อง ได้รับ “คำยืนยัน” ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายซาอุดิอาระเบียว่าจะ “เร่งรัด” ให้ประสบผลสำเร็จโดยเร็ว
ลองเจาะเรื่องที่ “ได้ประโยชน์ทันที” ก็คือ “การตกลงซื้อขายสินค้าไทย” ที่จะส่งผลให้ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น การส่งออก “ชิ้นส่วนของเนื้อไก่” จากเดิมที่ส่งออกได้แค่ “ไก่สด” และกำลังจะมีโรงงานที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น ตามเป้า คือ 28 โรงงาน ถ้าผ่านการตรวจสอบ ก็ฉลุย รวมถึง “เนื้อวัว เนื้อแพะ” ที่อยู่ในเป้าหมาย เรื่อยไปจนถึงเรื่อง “การออกวีซ่า” ให้กับนักธุรกิจ ที่จะทำได้เร็วขึ้น สะดวกขึ้น และ “การซื้อปุ๋ย” จากซาอุดิอาระเบีย เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน
สำหรับเรื่อง ที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไป ก็คือ การตั้ง “คณะกรรมการร่วมทางการค้า” ที่คาดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้จะจัดตั้งขึ้นมาได้ จะเป็น “เวทีหลัก” ในการหารือความร่วมมือ “ด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ” ระหว่างกัน
ถัดไปจะเป็นเรื่อง “การเจรจา FTA ไทย-GCC” ที่หากทำสำเร็จ จะเกิดประโยชน์กับไทยมหาศาล โดยเฉพาะการเพิ่มการค้า การลงทุน และอื่น ๆ
หากประเมิน ณ ตอนนี้ “ตลาดซาอุดิอาระเบีย” จะเป็น “ตลาดที่สำคัญ” ของไทยในอนาคต
ยิ่งนโยบายของ “กระทรวงพาณิชย์” ได้ให้ “ความสำคัญ” กับตลาดซาอุดิอาระเบียในฐานะตลาดที่มีโอกาส และพร้อมที่จะ “ทุ่มเท” ทุกสรรพกำลัง ในการ “สร้างโอกาสทางการค้า” ให้กับประเทศไทย
ดีใจแทนผู้ประกอบการไทยจริง ๆ ที่จะมีโอกาสขยาย “การค้า-การลงทุน-ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ” กับซาอุดิอาระเบีย หลังจากมีการ “ฟื้นความสัมพันธ์” กัน ในรอบ 32 ปี
บทความ จากเว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์