รมช.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนา ประจำปี 2565 เรื่อง ถอดบทเรียนศาสตร์พระราชา ด้วยมิติทางบัญชี : ทางเลือก ทางรอด ของเกษตรกรยุคใหม่ พร้อมบรรยายพิเศษ หัวข้อ “ทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ” ณ นงนุช เทรดดิชั่น รีสอร์ต ชลบุรี (สวนนงนุช) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้แก่เกษตรกรภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรพัฒนาสู่ความยั่งยืน พร้อมทั้งพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน อีกทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปภาคเกษตรให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศไปสู่ความสำเร็จเพื่อให้ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยน้อมนำ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ตามศาสตร์พระราชา มาเป็นแนวทางปฏิบัติ ซึ่งการทำบัญชีถือเป็นมิติหนึ่งสู่ความพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้มอบนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ขับเคลื่อนภารกิจสู่เป้าหมายการส่งเสริมการทำบัญชีรายบุคคลที่เกิดประโยชน์ต่อผู้รับบริการอย่างเป็นรูปธรรม นำระบบบัญชีไปวางรากฐานเปรียบเป็นภูมิคุ้มกันและเป็นคู่มือชีวิตในการสร้างความเข้มแข็งและความโปร่งใสให้เกิดขึ้น
รมช.มนัญญา กล่าวต่อไปว่า ระบบบัญชีมีความสำคัญต่อระบบฐานรากในการพัฒนาสู่การขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมั่นคง ส่วนหนึ่งเกิดจากการร่วมผลักดันและขับเคลื่อนงานผ่านอาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี หรือ ครูบัญชี ซึ่งเป็นกำลังหลักที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการถ่ายทอดความรู้ด้านบัญชีให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ จึงได้เน้นย้ำนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ดำเนินงานเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครูบัญชีอาสาทั่วประเทศ ทั้งในด้านทักษะและองค์ความรู้ เพื่อเป็นเครือข่ายไปถึงพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทุกพื้นที่ ในการสร้างความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีและช่วยขับเคลื่อนงานนโยบายต่างๆ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนช่วยผลักดันงานนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาภาคการเกษตรและยกระดับเกษตรกรให้เข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งเป็นการสร้างความเข้มแข็งได้ถึงเศรษฐกิจฐานราก
ทั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่อาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี ถือเป็นตัวแทนภาคประชาชนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในการปฏิบัติงานส่งเสริมการจัดทำบัญชีรายบุคคล จึงได้กำหนดให้วันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปีเป็น “วันครูบัญชีอาสา กรมตรวจบัญชีสหกรณ์” นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป เพื่อยกย่องและเชิดชูครูบัญชี ที่ช่วยขับเคลื่อนงานส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้ขยายผลลงไปสู่พื้นที่ภาคเกษตร รองรับโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้เกษตรกร
นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านบัญชีให้แก่กลุ่มเป้าหมายคณะกรรมการผู้ตรวจสอบกิจการ เจ้าหน้าที่บัญชี สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนการสอนบัญชีรับ – จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ ให้แก่เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างวินัยทางการเงินในครอบครัวสามารถใช้ข้อมูลบัญชีได้อย่างเหมาะสมตลอดจนการกำหนดแผนการส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายด้านบัญชี พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเกษตรหรือครูบัญชีให้เป็น Smart Farmer ด้านบัญชี เพื่อเป็นต้นแบบในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการจัดทำบัญชีและการนำบัญชีมาใช้ประโยชน์ในการวางแผนการผลิต จำหน่ายผลผลิตแก่เกษตรกร ส่งเสริมให้มีครูบัญชีประจำศูนย์การเรียนรู้ ให้สามารถให้บริการความรู้ด้านการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกรที่ขอรับบริการ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่มีส่วนร่วมในการทำงานและสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนของตนเอง โดยปัจจุบันกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีครูบัญชีอาสาทั่วประเทศ จำนวน ๗,๖๓๖ คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรควบคู่กับการนำบัญชีไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน นับเป็นกำลังหลักที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการถ่ายทอดความรู้ด้านบัญชีให้แก่เกษตรกรทั่วประเทศ
สำหรับงานสัมมนาเรื่อง “ถอดบทเรียนศาสตร์พระราชาด้วยมิติทางบัญชี : ทางเลือก ทางรอด ของเกษตรกรยุคใหม่” ประจำปี 2565 จัดขึ้นโดยมุ่งหวังให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานและอาสาสมัครเกษตรด้านบัญชีซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนได้เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องนโยบายของรัฐบาลและแผนงานโครงการที่สำคัญเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ในปี 2565 ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีอาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี (ครูบัญชี)ทั้งในระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ ร่วมด้วยข้าราชการกรมฯ เข้าร่วมประชุม รวมทั้งสิ้น 250 คน ในโอกาสนี้ ได้จัดให้มีพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณและเข็มเชิดชูเกียรติแก่เกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม ระดับประเทศ/ระดับภาค/ระดับจังหวัด จำนวน 77 รางวัล