‘กองทัพเรือ’ชี้แจงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือกำลังพลและการเตรียมการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปาง ด้าน ผบ.ทร.เรียกประชุมด่วน ประเมินสถานการณ์และเตรียมวางแผนค้นหากำลังพลกว่า 30 นาย 

วันนี้(19 ธันวาคม 2566) พลเรือเอก ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุน้ำเข้าเรือจนเกิดการเอียง เนื่องจากคลื่นลมแรง ขณะทำการลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์     

แต่เนื่องจากขณะนั้นมีคลื่นลมแรง ทำให้เรือเอียง จนทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ ส่งผลให้เครื่องไฟฟ้าดับส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน ซึ่งผลจากเครื่องจักรใหญ่และเครื่องจักรช่วยหยุดทำงานดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ และส่งผลให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียง

ในเวลาต่อมา กองทัพเรือได้สั่งการให้เรือรบและอากาศยานของกองทัพเรือ ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 เครื่อง พร้อมชุดป้องกันความเสียหายและกู้ภัยเรือ เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน นอกจากนี้ได้ประสานหน่วยภายนอกเข้าร่วมให้การช่วยเหลือ 

DF365367 6068 47ED 9B54 C7C7A7433FC2

โดยเรือหลวงกระบุรี ได้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลา 20.40 น. และพยายามเข้าเทียบเรือหลวงสุโขทัย เพื่อส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และช่วยเหลือกำลังพลจำนวน 106 นาย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากคลื่นลมยังคงรุนแรง 

CCF416B6 4224 409F 91A6 531913428AA4

ต่อมาเรือหลวงสุโขทัยมีอาการเอียงมากขึ้นและได้จมลงเมื่อเวลา 00.12 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มีเรือลากจูงเอกชนจากท่าเรือบางสะพานจำนวน 2 ลำ และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือ ซึ่งเรือหลวงกระบุรี  เรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” และเรือลากจูงทั้ง 2 ลำ ได้ดำเนินการช่วยเหลือกำลังพล และต่อมาเวลา 01.04 น. เฮลิปคอปเตอร์แบบSeahawks จำนวน 2 ลำ ได้เดินทางมาถึง พร้อมทั้งทำการปล่อยแพช่วยเหลือลงทะเล จำนวน 8 แพ 

F722675A C8B5 49B7 9165 E777770956DD

ทั้งนี้เรือต่าง ๆ สามารถให้การช่วยเหลือกำลังพลขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว 73 นาย โดยอยู่บนเรือหลวงกระบุรีจำนวน 47 นาย เรือลากจูง จำนวน 4 นาย เรือน้ำมัน “ศรีวิชัย” จำนวน 20 นาย และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” จำนวน 2 นาย ยังคงมีกำลังพลจำนวน 33 นายที่ลอยคออยู่ในทะเล ซึ่งเรือทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่กำลังเร่งดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือต่อไป 

ทั้งนี้ เรือหลวงกระบุรี เรือลากจูง และเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” ได้นำกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 71 นาย เดินทางไปยังท่าเรือบางสะพานเรียบร้อยแล้ว โดยมีกำลังพลจำนวน 11 นาย รักษา ณ โรงพยาบาลบางสะพาน ส่วนกำลังพล จำนวน 40 นาย เดินทางไปยังศูนย์พักพิง 

สำหรับกำลังพลที่ขึ้นมาจากเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” จำนวน 20 นาย ได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลบางสะพาน เพื่อตรวจร่างกายและคัดแยกต่อไป นอกจากนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. เรือหลวงกระบุรีได้ออกเรือเดินทางจากท่าเรือบางสะพานไปยังพื้นที่เกิดเหตุเพื่อสนับสนุนการค้นหาและช่วยเหลือ ร่วมกับเรือหลวงอ่างทอง  รวมถึงอากาศยานแบบ Dornier  และเฮลิปคอปเตอร์แบบ Seahawks  ที่กำลังเร่งดำเนินการค้นหา กำลังพลทั้งหมดและเตรียมการในการกู้เรือหลวงสุโขทัยต่อไป

E6D65B79 FC32 42D0 9827 D5C7CC694DD3

ขณะที่พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) เรียกนายทหารระดับสูงประชุมด่วนในเช้าวันนี้ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารในจุดเกิดเหตุ เพื่อประเมินสถานการณ์และหาแนวทางค้นหากำลังพลกว่า 30 นาย เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้ ยังมีอุปสรรคในเรื่องของคลื่นลมแรงในอ่าวไทย

A230717D 381C 4488 B17A 36BE0478AFA6

ทั้งนี้ กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการได้ตั้ง ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย  ขึ้นมาทำหน้าที่ในการประสานการปฏิบัติ  เพื่อเร่งดำเนินการในการให้ความช่วยเหลือกำลังพลและกู้ภัยเรือหลวงสุโขทัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลเป็นสำคัญ 

ทั้งนี้ญาติพี่น้องของกำลังพลประจำเรือ สามารถติดสอบถามได้ที่ ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยหมายเลขโทรศัพท์ 038182435 และ 0840023554 โดยล่าสุดมียอดกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว จำนวน 75 นาย