นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ชี้แจงถึงข้อกังวลจากสมาคมประมงจังหวัดปัตตานี เรื่องการจ่ายเงินชดเชยการนำเรือประมงออกนอกระบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า วันนี้ 27 ม.ค. คณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติมีมติให้ความเห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน (เรือชุดที่ 1) ของกลุ่มเรือประมงที่รับการประเมินเรือ จำนวน 96 ลำ งบประมาณรวม 163 ล้านเศษ พร้อมกับมอบหมายให้ ศอ.บต. เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นหน่วยดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานีตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับการดำเนินการเพื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติเรือที่ต้องการออกนอกระบบอีก 1,776 ลำ จากทั่วประเทศ ทางกรมประมงจะใช้เกณฑ์และคุณสมบัติเดียวกับที่ใช้กับเรือในชุดแรกนี้ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งเป็นการปรับเกณฑ์และคุณสมบัติเหลือเพียงเกณฑ์สีขาวและดำ เท่านั้น จากเดิมที่มี ขาว เทา และดำ โดยเรือที่ผ่านเกณฑ์และมีคุณสมบัติครบถ้วน จะได้ถูกเสนอเพื่อการพิจารณาจากอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติในลำดับต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เปิดเผยว่า “โครงการนำเรือออกนอกระบบ” เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลให้เกิดความยั่งยืน และเป็นการช่วยเหลือเยียวยาชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ภายใต้พระราชกำหนดการประมง 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบตามแผนบริหารจัดการประมงทะเลที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบไว้ตั้งแต่ 3 พ.ย. 2558
โดย “โครงการนำเรือออกนอกระบบ” เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินโครงการในระยะที่ 1 และ 2 มีเรือที่นำออกนอกระบบและรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาไปเรียบร้อยแล้วจำนวน 364 ลำ ซึ่งชาวประมงมีความพึงพอใจที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือการประกอบอาชีพด้วยการซื้อเรือคืนเพื่อนำเรือออกนอกระบบ แต่ยังมีกลุ่มเรือประมงอีกจำนวนมากที่ประสงค์จะนำเรือออกนอกระบบ และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลไทย ปี 2563 – 2565 ในการบริหารจัดการกองเรือให้มีความสมดุลกับทรัพยากรประมงทะเลและเกิดความยั่งยืนในการใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ และเพิ่มความคล่องตัวในการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ลดปัญหาความขัดแย้งในการทำการประมง บรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาหนี้สินของชาวประมงได้ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้ชาวประมงได้มีโอกาสประกอบอาชีพอื่น ๆ
ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงจึงได้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยให้ปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินการบริหารโครงการนำเรือออกนอกระบบให้เร็วขึ้นด้วยการใช้วงเงินของธกส.ซื้อคืนเรือให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 โดยรัฐบาลชำระคืน ธกส. ตามจำนวนและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควร กรมประมงจึงดำเนินหารือกับ ธกส.จนได้ข้อยุติด้วยการใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เพื่อให้สามารถนำเรือประมงออกนอกระบบได้ทั้งหมดในคราวเดียวกัน ด้วยวิธีการซื้อเรือคืน สำหรับกลุ่มเรือที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ที่ประสงค์จะเลิกอาชีพทำประมงเพิ่มเติม