นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ “5 ทศวรรษแห่งการพัฒนาวิชาการเกษตรไทย และการก้าวไปในทศวรรษที่ 6” ณ เฮลิกซ์ การ์เด้น ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ กรุงเทพฯ ว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่กำกับดูแลกรมวิชาการเกษตร พบว่า กรมวิชาการเกษตรมีผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากสามารถนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ทางการค้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร จึงได้เน้นย้ำให้นำองค์ความรู้เหล่านี้ไปเผยแพร่ถ่ายทอดต่อเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไป ด้วยภาษาที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่าย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายตลาดนำการวิจัยเพื่อนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรในทุกภาคส่วน รวมถึงการพัฒนาพืชเศรษฐกิจใหม่ ๆ ให้ตอบสนองความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ ขอให้กรมวิชาการเกษตรเข้มงวดในเรื่องของการส่งเสริมเกษตรปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า ทั้งในเรื่องสุขอนามัยพืช การใช้สารเคมีที่ถูกต้อง การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ รวมถึงความเข้มงวดร้านจำหน่ายสารเคมีเกษตรไม่ให้มีการลักลอบจำหน่ายสารเคมี วัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ภาครัฐได้มีการห้ามจำหน่ายภายในประเทศ รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้า เช่น การส่งออกทุเรียนไปจีน ที่ต้องเข้มงวดและให้คำนึงถึงความยากลำบากในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องต่อสู้ทุกรูปแบบ เพื่อรักษาตลาดส่งออกทุเรียนของไทยในประเทศจีน
รมช.เกษตรฯ ยังได้มอบนโยบายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในการร่วมมือกันส่งเสริมสนับสนุนให้ขบวนการสหกรณ์เป็นที่พึ่งของเกษตรกรทั่วประเทศ เพราะสหกรณ์การเกษตรถือเป็นการขับเคลื่อนที่มั่นคงของเกษตรกรในทุกระดับ ซึ่งทั้งสองกรมจะต้องเชื่อมโยงและประสานการทำงานกัน ทั้งภาคการส่งเสริมและภาคการตรวจสอบ เพื่อป้องกันการทุจริตของสหกรณ์แต่ละแห่ง ซึ่งได้ฝากให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ติดตามและเอาผิดกับสหกรณ์ที่มีการทุจริตทุกแห่ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกและเรียกความเชื่อมั่นคืนมาให้กับขบวนการสหกรณ์
ในส่วนขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ในช่วงที่ได้เข้ามากำกับดูแลเป็นระยะเวลา 4 ปีนั้น ได้เข้าไปช่วย อ.ส.ค. พัฒนาทั้งในเรื่องของการเลี้ยงโคนม การพัฒนาสหกรณ์ และช่วยรับซื้อน้ำนมดิบในช่วงวิกฤติโควิด-19 นอกจากนั้น ได้ให้ความสำคัญกับโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อให้อาชีพการเลี้ยงโคนมอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน และเพื่อเป็นการสร้างอาชีพ และแหล่งอาหารโปรตีนที่ดีให้กับคนไทย