“สุริยะ”ลั่นใครลอบเผาอ้อย สั่งโรงงานน้ำตาลห้ามรับเข้าหีบ

สุริยะกำชับโรงงานเลิกรับซื้ออ้อยจากไร่ที่ลอบเผาตอ พร้อมหักเงินอ้อยถูกเผาไฟขึ้นมากกว่า30 บาท พร้อมดันตัดอ้อยสดได้เงินช่วยเหลือเกิน 120 บาทต่อตัน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับตัวแทน 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ได้แก่ สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางออกร่วมกันสำหรับมาตรการส่งเสริมอ้อยและน้ำตาลทรายในปี2565/2566 ซึ่งรวมถึงการกำหนดราคา และมาตรการลดฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจาการลักลอบเผาอ้อยที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง

โดยที่ประชุมได้ขอให้มีการเร่งประชุม คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เพื่อขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลชาวไร่ ตลอดจนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและชาวไร่อ้อย จะร่วมกันเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของประเทศที่เกิดจากการเผาอ้อย โดยกำหนดเป้าหมาย ลดการเผาอ้อยในฤดูการผลิตปี 2565/2566 เป็น 0% ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยย้ำว่าเกษตรกรที่ให้ความร่วมมือตัดอ้อยสดรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือแน่นอน

นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวว่า สอน.ได้หารือร่วมกับ 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ถึงข้อเสนอ 3 เรื่อง โดยหลังจากนี้จะจัดให้มีการประชุม กอน.โดยเร็ว เบื้องต้นข้อเรียกร้องเรื่องการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2565/2566 และการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี2564/2565 กอน. น่าจะพิจารณาได้ทันที

ส่วนข้อเสนอแนวทางการขอเพิ่มเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีปี 2565/2566 จาก 120 บาทต่อตัน ควบคู่ไปกับการปรับเพิ่มการหักเงินอ้อยถูกเผาไฟขึ้นจากเดิม 30 บาท นั้นจะต้องมีการหารือร่วมกับชาวไร่และโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 โรงก่อน เพราะปัจจุบันพบว่ายังมีชาวไร่ลักลอบเผาอ้อยทั้งกรณีตั้งใจเผาเองและกรณีโรงงานน้ำตาลขอให้เผา เรื่องนี้จึงต้องมีการตรวจสอบร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย

“ฤดูการผลิต 2565/2566 ซึ่งเริ่มเปิดหีบเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา กอน. พบข้อมูลที่น่ากังวลคือ มีการลักลอบเผาอ้อยมากถึง 2.3 ล้านตัน คิดเป็น 25.70% จากปริมาณอ้อยเข้าหีบรวม9.09 ล้านตัน 

โดยฤดูการผลิต 2564/2565 มี 3 กลุ่มโรงงานที่รับอ้อยถูกเผาสูงสุด คือ โรงงานในกลุ่มบริษัทมิตรผล 5.36 ล้านตัน กลุ่มบริษัทไทยรุ่งเรือง 3.86 ล้านตัน กลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่น 2.27 ล้านตัน ตามลำดับ ส่งผลให้เกิดควันไฟ ที่ทำให้เกิดฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ขยายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในทั่วพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลาง รวมถึงพื้นที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นและพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญในหลายจังหวัดและกรุงเทพมหานคร กอน.จะตรวจสอบถึงสาเหตุ แรงจูงใจการเผา และจะเพิ่มเติมมาตรการจูงใจในส่วนของโรงงานเพิ่มเติม จากที่ปัจจุบันมีเฉพาะในส่วนของชาวไร่เท่านั้น

ขณะเดียวกันเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลสถานการณ์การเผาอ้อยอย่างใกล้ชิด สอน.จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยแพร่ข้อมูลอัพเดตตัวเลขการเผาอ้อยแต่ละสัปดาห์ พร้อมพิกัดการเผา เพื่อเป็นข้อมูลเตือนภัยเชิงป้องกันด้านสุขภาพของประชาชนที่กำลังเผชิญกับโควิด-19 

ซึ่งฝุ่นละอองจากการลักลอบเผาอ้อยจะทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอลง อาจติดโควิด-19 ได้ง่ายรวมทั้งสามารถนำข้อมูลดังกล่าววางแผนการท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว”