“พล.อ.ประวิตร”สั่ง กอนช.ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา 

“เลขาฯ สทนช.”ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ยก จ.นครสวรรค์ ตัวอย่างการเตรียมแผนป้องกันน้ำท่วมล่วงหน้า ชี้บึงบอระเพ็ดถูกใช้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำก่อนลงพื้นที่ตอนล่างได้เต็มศักยภาพ ก่อนน้ำเหนือลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เร่งประเมินสถานการณ์น้ำเตรียมเปิดศูนย์ส่วนหน้าภาคกลาง จ.ชัยนาท

วันนี้ (13 ก.ย.65)ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา โดยได้หารือร่วมกับนายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อรับฟังการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฤดูฝนของจังหวัดนครสวรรค์  และความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565 ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ณ ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ ก่อนลงพื้นที่ต่อไปยังประตูดำ บึงบอระเพ็ด เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำบึงบอระเพ็ด ก่อนเดินทางต่อไปยังเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาและการบริหารจัดการน้ำ ณ สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท ก่อนคณะจะเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ม.3 ต.จรเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมปี 2564 

C4D83D3D B6F9 4026 86BF EC8D987A9897

เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า ต้องชื่นชมจังหวัดนครสวรรค์ที่เป็นด่านหน้าก่อนปริมาณน้ำเหนือไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งจากการรับฟังการเตรียมแผนป้องกันและบรรเทาผลกระทบในช่วงฤดูฝนของจังหวัด ตาม 13 มาตรการของ กอนช. พบว่า ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ตัวอย่างการจัดการน้ำป้องกันผลกระทบในช่วงฤดูฝนในพื้นที่อื่นได้เป็นอย่างดี โดยบูรณาการข้อมูลร่วมกับ กอนช.ในการประเมินติดตามสถานการณ์น้ำในภาพรวม มีการตั้งศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ทันทีโดยเฉพาะการลดผลกระทบให้กับประชาชน ทั้งในเรื่องการพร่องน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงน้ำหลาก 

อาทิ การใช้บึงบอระเพ็ดเป็นพื้นที่หน่วงน้ำก่อนไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่าง การเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือในการจัดการน้ำและบรรเทาสาธารณภัย การแจกถุงยังชีพ การซ่อมแซมสะพานขาดโดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยทหาร ซี่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ สทนช.ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กอนช. ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่พร้อมให้การสนับสนุน ประสานงาน อำนวยการ รวมถึงแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการจัดการมวลน้ำอย่างต่อเนื่อง 

3195CCB6 E245 45F2 B130 0D8CDBCDDEC6

โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ กอนช.มีการติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและสั่งการให้ สทนช.วิเคราะห์ประเมินแนวโน้มการเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคกลางหากสถานการณ์เข้าสู่เงื่อนไขการเปิดศูนย์ฯ ให้เร่งรัดทันที ซี่งในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์กันอีกครั้งก่อนประกาศเปิดศูนย์ฯ ที่ชัดเจนต่อไป

767AA4E5 6A77 4DF0 AC49 DDA0A30ACFC3

สำหรับสถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยาปัจจุบันมีการระบายน้ำผ่านเขื่อน 1,799 ลบ.ม./วินาที ซึ่ง กอนช.ได้เน้นย้ำแผนการระบายน้ำหากมีการปรับแผนการระบายน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือเขื่อนที่มีมากรวมถึงแนวโน้มฝนที่จะตกเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลต่อปริมาณน้ำไหลลง 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าสักฯ ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ ต้องมีการแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าอย่างชัดเจนว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ เพื่อเตรียมการเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.65) เขื่อนเจ้าพระยาจะเริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดในอัตรา 1,800 – 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันที่เคยท่วมเดิมอาจได้รับผลกระทบ พร้อมยืนยันว่าปริมาณน้ำดังกล่าวจะไม่ลงไปกระทบพื้นที่กทม.อย่างแน่นอน.