นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำป่าสักตอนบน จ.เพชรบูรณ์

บ่ายวันนี้ (6 ต.ค. 65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำและอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมบรรยายสรุปสถานการณ์ ณ ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ ก่อนจะลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัย ในพื้นที่ตำบลตาลเดี่ยว และในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก ตามลำดับ 

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมและพายุ “โนรู” ทำให้เกิดฝนตกหนักในลุ่มน้ำป่าสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดกลางเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีปริมาณน้ำป่าบางส่วนไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำป่าสัก ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอวิเชียรบุรี และอำเภอศรีเทพ ปัจจุบันแนวโน้มสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักที่สถานี S.33 อำเภอหล่มเก่า และสถานี S.3 อำเภอหล่มสัก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โครงการชลประทานเพชรบูรณ์ ได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 4 เครื่อง ในเขตอำเภอหล่มสัก เพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำป่าสัก ซึ่งปริมาณน้ำนี้จะไหลลงสู่เขตอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ก่อนที่ปริมาณน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เป็นลำดับต่อไป

38FB6187 046F 4E2B 96F8 9561E2B4452F

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้วางแผนแก้ไขปัญหาอุทกภัยในเขตอำเภอหล่มสัก ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยสะดวงใหญ่ ความจุเก็บกัก 13.45 ล้าน ลบ.ม. โครงการเพิ่มศักยภาพอ่างเก็บน้ำห้วยขอนแก่น ให้สามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้นจากเดิม 33 ล้าน ลบ.ม. เป็น 39 ล้าน ลบ.ม. และโครงการป้องกันอุทกภัยเมืองหล่มสัก ด้วยการสร้างคลองผันน้ำเหนือฝายฝั่งซ้ายแม่น้ำป่าสัก ซึ่งอยู่เหนืออำเภอหล่มสัก เพื่อเร่งระบายน้ำลงด้านท้ายอำเภอหล่มสัก

นอกจากนี้ ยังมีแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำป่าสัก จำนวน 20 แห่ง เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยชะเอม อ่างเก็บน้ำห้วยชุนน้อย อ่างเก็บน้ำคลองน้ำทิน อ่างเก็บน้ำบ้านนางั่ว อ่างเก็บน้ำห้วยสะดวงใหญ่ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำจาง อ่างเก็บน้ำห้วยบ้านโตก อ่างเก็บน้ำห้วยยาง และอ่างเก็บน้ำห้วยซับสอง ส่วนอ่างเก็บน้ำอีก 11 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยบง อ่างเก็บน้ำเขาพังเหย อ่างเก็บน้ำบ้านปากช่อง อ่างเก็บน้ำบ้านธารทิพย์ อ่างเก็บน้ำบ้านห้วยอีหม้อ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำยา อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำโกย อ่างเก็บน้ำบ้านหินโง่น อ่างเก็บน้ำห้วยผักกูด อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเลา และอ่างเก็บน้ำชับมะนาว หากสามารถดำเนินการได้จนแล้วเสร็จทั้งหมด จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนที่เก็บกักได้เพิ่มขึ้นรวมกว่า 193 ล้าน ลบ.ม. ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง เสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับจังหวัดเพชรบูรณ์ และลพบุรีบางส่วน

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ฯ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยอย่างทั่วถึง จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ