ระทึก คันกั้นน้ำเมืองชัยนาทแตก น้ำทะลัก หลายหน่วยงานช่วยกันเร่งซ่อม

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 65 เวลา 13.00 น. เกิดเหตุคันกั้นน้ำแตก ที่คันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา จุดวัดลัดเสนาบดี(วัดเกาะ )ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท พื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาความยาวประมาณ 6 เมตร กระแสน้ำไหลแรง น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตร

โดยชาวบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ช่วยกันทำคันดินกั้นน้ำที่มีความสูงกว่า 1 เมตร แต่ด้วยความที่น้ำมีมวลมหาศาลทำให้คันดินไม่สามารถต้านทานแรงดันน้ำได้ เกิดพังทลายขาดลงความยาวประมาณ 10 ม. เจ้าหน้าที่จึงนำรถแบ๊กโฮและใช้กระสอบทรายบิ๊กแบ๊ก วางลงเพื่อลดแรงดันน้ำเพื่อทำการซ่อมแซม เพราะหากจุดนี้กั้นไม่อยู่ โอกาสที่มวลน้ำจะทะลักเข้าใกล้ตัวเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจก็มีสูง เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำงานแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่เพื่อกั้นน้ำเอาไว้ให้ได้ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าน้ำในปีนี้ถือว่าใกล้เคียงกับปีน้ำท่วมใหญ่ปี 54 เลยก็ว่าได้

นายปัญญา จันพุก นายช่างเครื่องกลปฏิบัติงาน อบจ.ชัยนาท เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะใช้แบริเออร์วางตามขวาง และวางตามยาวตัดเพื่อให้รับแรงน้ำได้ แล้วใช้บิ๊กแบค มาวางป้องกันน้ำอีกชั้นแล้วใช้ดินปิดด้านบน สำหรับหน้างานคันกั้นน้ำแตกยาวประมาณ 6 เมตร ขณะที่แบริเออร์ยังไม่มา น้ำจะพัดทรายจากบิ๊กแบคหลุดออกไปหมด จะพยายามเร่งดำเนินการปิดช่องแตกนี้ให้ได้เพื่อป้องกันพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้ หากตรงนี้แตก จะทำให้น้ำท่วมพื้นที่ของตำบลเขาท่าพระเป็นจำนวนมาก แต่น้ำจะไปติดคันกั้นน้ำบริเวณริมถนนพหลโยธินซึ่งเป็นคันกั้นน้ำขนาดใหญ่

ด้านสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท รายงานสถานการณ์ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (วันที่ 8 ตุลาคม 2565) ที่เขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาทระบายน้ำออกมาที่ 3,008 ลบ.ม./วิ ปรากฏว่าพื้นที่อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ได้รับผลกระทบหนักโดยเมื่อเวลา 18.00 น เหตุเกิดซ้ำรอยจากปี 2564 ที่ ม.4 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี (วัดปราสาท) ชาวบ้านพบว่าผนังกั้นน้ำชำรุดขนาดใหญ่ ในจุดเดิมที่เคยเกิดเมื่อปี 2564 มีน้ำผุดขึ้นมาจากใต้ผนังด้านข้างของเขื่อนทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลอินทร์บุรีและชาวบ้าน จึงช่วยกันนำกระสอบทรายไปอุดกั้นไว้ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงน้ำได้

311270644 409547241347100 6972898936172041198 n
มวลน้ำไหลทะลัก

จนกระทั่งเวลา 19.30 น. น้ำได้ทะลักไหลเป็นรอยกว้างกว่าเดิม จนกำแผงผนังเปิดออก น้ำได้ทะลักเข้ามาจำนวนมาก ชาวบ้านจึงได้ตะโกนบอกต่อ ๆ กัน พร้อมประกาศเสียงจากหอกระจายข่าวในหลายหมู่บ้านว่าตรง ม.4 ต.อินทร์บุรี ที่บริเวณวัดปราสาทได้มีผนังกั้นน้ำพัง ให้เก็บข้าวของเคลื่อนย้ายยานพาหนะโดยด่วน

สำหรับจุดใกล้เคียงกับผนังกั้นน้ำนั้น ซึ่งมีส่วนราชการ เช่น สถานีตำรวจอินทร์บุรี ที่ว่าการอำเภออินทร์บุรี สาธารณสุขอินทร์บุรี โรงเรียนวัดปราสาท และส่วนใหญ่สามารถตั้งรับได้ทัน เพราะมีการแจ้งเตือนกันล่วงหน้าแล้ว

จากนั้นไม่นานมวลน้ำได้ไหลทะลักมายัง ม.3 ของ ต.อินทร์บุรี ซึ่งนายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้เดินทางร่วมวางแผนดำเนินการกับนายกเทศบาลตำบลอินทร์บุรี ทำแนวกั้นด้วยดินลูกรัง ในจุดรอยต่อของ ม.2 ที่มีทั้ง วัด โรงเรียนและโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้น้ำท่วมกระทบในพื้นที่ดังกล่าว

แต่แล้วในเวลา 00.00 น. คันดินที่กำลังเร่งทำบริเวณจุดวัดสำโรง ม.2 ต.อินทร์บุรี ก็ไม่สามารถต้านทานมวลน้ำที่ไหลมาด้วยกระแสที่ค่อนข้างแรงและเร็ว ส่งผลให้มวลน้ำทะลักคันดินข้ามมายังบ้านสวนหลวง ม.2 และกำลังไหลไปยัง ม.1 วัดโบสถ์อินทร์บุรี และโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งบ้านเรือนกว่า 1,200 ครัวเรือน ถูกน้ำเข้าท่วม