กรมชลฯ เร่งกำจัดวัชพืชในหนองหาร ตั้งเป้า 2 เดือนหมด รับมือฤดูแล้งและฤดูฝน

กรมชลประทาน ผนึกกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในหนองหาร จ.สกลนคร โดยระยะเร่งด่วน คาดแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน หวังเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำทั้งในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝน

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากข้อสั่งการของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ในการติดตามผลการดำเนินงานตามแผนหลักการพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร นั้น กรมชลประทาน โดยสำนักเครื่องจักรกล และโครงการชลประทานสกลนคร ได้สนับสนุนรถแบคโฮลงโป๊ะ จำนวน 15 ชุด บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่หนองหารอย่างเต็มกำลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง รวมทั้งยังช่วยป้องกันผลกระทบจากน้ำเน่าเสีย และควบคุมคุณภาพน้ำสำหรับใช้ในการผลิตน้ำประปาในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวหนองหารอีกด้วย

320000222 708703300623799 2330832013596780158 n
เร่งกำจัดวัชพืชในหนองหาร

สำหรับกรมชลประทาน มีแผนกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในหนองหาร ร่วมกับกรมประมงและหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 26 สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย (นพค.26) รวม 326,312 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ ต.ดอนเสาธง ต.นาดอกไม้ ต.ดอนตาลโง๊ะ และ ต.ดอนเชียงคูณ รวม 2,615 ไร่ ปัจจุบันกรมชลประทานกำจัดผักตบชวาและวัชพืชแล้วเสร็จกว่า 385 ไร่ คาดว่าจะดำเนินแล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 2 เดือน

320055400 1392411651292266 2737371239758360145 n
เร่งกำจัดวัชพืชในหนองหาร

ทั้งนี้ จากการสำรวจวัชพืชในหนองหาร จ.สกลนคร พื้นที่ทั้งหมด 15,398 ไร่ มีปริมาณวัชพืชรวม 3,924,931 ตัน มีแผนกำจัดวัชพืช แบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยแผนในระยะเร่งด่วน ทุกภาคส่วนได้บูรณาการร่วมกันเพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าภายใน 2 เดือน ซึ่งจะสามารถกำจัดวัชพืชได้รวม 503,134 ตัน และหลังจากนั้นจะดำเนินการในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายอากาศทั่วไปว่า ในช่วงวันที่ 15 – 16 ธ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้นโดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 17 – 21 ธ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 6 – 8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 3 – 5 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้นโดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 – 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ทะเลอันดามันห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร

ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง และอันตรายที่อาจเกิดจากลมแรง และในช่วงวันที่ 17 – 19 ธ.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2565