รัฐบาลเตือน! เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง และขอให้ติดตามการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิด 8-15 ตุลาคม นี้

รัฐบาลเตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และขอให้ติดตามการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ช่วง 8-15 ตุลาคม นี้

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และขอให้ติดตามการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ จากส่วนราชการอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมขนของขึ้นสู่บริเวณที่สูงหรืออพยพทันที หากได้รับการแจ้งเตือน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

นายคารม กล่าวว่า จากรายงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีร่องมรสุมทำให้เกิดฝนตกหนักสะสมทั้งประเทศไทย ทำให้มีปริมาณน้ำในลำน้ำเพิ่มมากขึ้น โดยคาดการณ์ในช่วงวันที่ 8 – 11 ตุลาคม 2566 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ทั้งนี้ สทนช. ได้วิเคราะห์คาดการณ์จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ โดยมี พื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 9 – 15 ตุลาคม 2566 ดังนี้

1. เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่ม ได้แก่

1.1 ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอฝาง อมก๋อย และจอมทอง) จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอคลองลาน คลองขลุง และปางศิลาทอง) จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอตรอน) จังหวัดตาก (อำเภออุ้มผาง แม่สอด แม่ระมาด พบพระ วังเจ้า และบ้านตาก) จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา) จังหวัดแพร่ (อำเภอวังชิ้น) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอนครไทย) จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอแม่วงก์) จังหวัดอุทัยธานี (อำเภอบ้านไร่ และลานสัก) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หนองไผ่ และน้ำหนาว)

​​1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น (อำเภอโคกโพธิ์ไชย และโนนศิลา) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอเมืองนครราชสีมา โนนไทย โนนสูง เฉลิมพระเกียรติ จักราช พิมาย ลำทะเมนชัย ชุมพวง และเมืองยาง) จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเมืองชัยภูมิ คอนสาร และเกษตรสมบูรณ์) จังหวัดมุกดาหาร (อำเภอคำชะอี และเมืองมุกดาหาร) จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี) จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเมืองอุบลราชธานี และวารินชำราบ)

​​1.3 ภาคกลาง จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอทองผาภูมิ และศรีสวัสดิ์) จังหวัดชัยนาท (อำเภอเมืองชัยนาท เนินขาม และหันคา) จังหวัดสุพรรณบุรี (อำเภอเดิมบางนางบวช หนองหญ้าไซ สามชุก และดอนเจดีย์)

​​1.4 ภาคตะวันออก จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม ศรีมหาโพธิ นาดีและกบินทร์บุรี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี แก่งหางแมว ขลุง มะขาม และท่าใหม่) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด บ่อไร่ เขาสมิง และแหลมงอบ) จังหวัดระยอง (อำเภอปลวกแดง)

​​1.5 ภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส (อำเภอสุไหงปาดี และสุคิริน) จังหวัดพังงา (อำเภอคุระบุรี) จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง และกะเปอร์)

2. เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ดังนี้

​​​​2.1 แม่น้ำมูล ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ และพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้การบริหารจัดการในพื้นที่ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล ได้บริหารจัดการโดยคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีการประชุมบูรณาการข้อมูล เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้ได้มากที่สุด และการระบายน้ำให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด

2.2 แม่น้ำเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำ ซึ่งเขื่อนเจ้าพระยาต้องเพิ่มการระบายน้ำในอัตรามากกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ วัดไชโย คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง อำเภอพรหมบุรี เมืองสิงห์บุรี และอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.20 – 0.80 เมตร 

ทั้งนี้การบริหารจัดการในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้บริหารจัดการโดยคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ซึ่งมีการประชุมบูรณาการข้อมูลเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้ได้มากที่สุด และการระบายน้ำให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด

2.3 แม่น้ำท่าจีน ได้แก่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี และสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอบางเลน และนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

2.4 แม่น้ำปราจีนบุรี ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

“จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดยโสธร ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกส่วนราชการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์น้ำอย่างเต็มที่ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำ ทั้งในส่วนของน้ำท่วม และการกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร นายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซากไปเรื่อยๆ ทุกหน่วยงานจะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด ทำให้ไม่เกิดน้ำท่วม หรือเกิดให้น้อยที่สุด” นายคารม กล่าว