นางสาวนงนุช วงคง อายุ ๕๓ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๓๓/๑ หมู่ที่ ๙ ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
การศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น
ผลงานดีเด่น
ความคิดริเริ่ม และความพยายามฟันฝ่า อุปสรรคในการสร้างผลงาน
นางสาวนงนุช วงคง เดิมเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เกิดในครอบครัวที่มีอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนเมื่ออายุ ๑๕ ปี ได้มีการย้ายถิ่นฐานตามครอบครัวมาอยู่ ณ บ้านอ่างเตย ตำบลท่าตะเกียบ อำาเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงได้มีโอกาสช่วยคุณแม่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนกระทั่งได้ลงมือทำบ่อย ๆ เกิดการซึมซับและมีแรงบันดาลใจจากผู้เป็นแม่ในการประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และเกิดการเรียนรู้ในกิจกรรมด้านหม่อนไหม เช่น การปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม การสาวไหม
การฟอกย้อม การมัดหมี่ การทอผ้าไหม และการถอดลวดลายของผ้ามัดหมี่ เป็นต้น และเสริมสร้างทักษะในขั้นตอนต่างๆ ทั้งการสอบถามข้อมูลจากผู้ที่มีความรู้เพื่อหาวิธีการในการพัฒนาฝีมือทางด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความเอาใจใส่ในการเลี้ยงไหมเป็นอย่างดี โดยต้องใช้ความพยายามความอดทน ความตั้งใจจริง เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าทั้งเส้นไหม ผ้าไหม ให้ได้มาตรฐานจนเป็นที่ต้องการตลาด เฉพาะอย่างยิ่งการฟอกย้อมสีธรรมชาติที่ใช้วัสดุธรรมชาติในชุมชนนำมาย้อมสีเส้นไหมซึ่งได้การตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ตลอดจนการปฏิบัติตนให้เป็นที่ยอมรับต่อคนในครอบครัวและชุมชน
ผลงานและความสำเร็จของผลงาน ทั้งปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนระยะเวลาที่ปฏิบัติงานและความยั่งยืนในอาชีพ
-ประกอบอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมาแล้ว ๔๑ ปี โดยดำเนินการครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ– ปลายน้ำ คือ ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม และทอผ้าไหม
-มีพื้นที่ในการปลูกหม่อนเพื่อใช้เลี้ยงไหมจำนวน ๗ ไร่ โดยปลูกหม่อนพันธุ์สกลนคร ได้ผลผลิตใบหม่อนจำนวน ๒๓,๑๐๐ กิโลกรัม มีการดูแลแปลงหม่อน ใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ให้น้ำในแปลงหม่อน ตัดแต่งกิ่งหม่อนตามหลักวิชาการ
-เลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสม จำนวน ๑๐ – ๑๓ รุ่น/ปี รุ่นละ ๑.๕ – ๒ แผ่น
-มีผลผลิตรังไหม ๔๒๐ กิโลกรัม/ปี
-มีผลผลิตเส้นไหม ๔๖ กิโลกรัม (สามารถผลิตได้ทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน ทำให้ไม่ต้องซื้อเส้นยืนจากที่อื่น เป็นการลดต้นทุนการผลิตผ้าไหม)
-มีผลผลิตดักแด้ จำนวน ๓๑๕ กิโลกรัม
ทอผ้าไหม
-ผลิตผ้าคลุมไหล่ไหมแกมฝ้าย จำนวน ๓๐.๖ เมตร
-ผลิตผ้าขาวม้าไหมแกมฝ้าย จำนวน ๑๖ เมตร
-ผลิตผ้าผืน/ผ้าไหมมัดหมี่สีธรรมชาติ จำนวน ๒๖ เมตร
-ผลิตผ้าโสร่งไหมจำนวน ๑.๘ เมตร
-มีผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานรอจำหน่าย ๑๑๙ เมตร
-ทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าไหม เส้นไหมและโปรตีนไหม
ในด้านมาตรฐานการผลิต มีดังนี้
- โรงเลี้ยงไหมมีการบริหารจัดการ ถูกต้องตามหลักวิชาการ
- แปลงหม่อนได้รับการรับรองมาตรฐาน
การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับหม่อนเพื่อผลิตใบ
(มกษ. ๓๕๐๐ – ๒๕๕๓) - เส้นไหมได้รับการรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตเส้นไหมดิบ : เส้นไหมไทยสาวมือ
(มาตรฐาน มกษ. ๕๙๐๐ – ๒๕๖๕) - ผ้าไหมได้รับรองมาตรฐานตรานกยูง
พระราชทาน สีทอง สีเงิน สีน้ำเงิน และสีเขียว
ในด้านการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และภูมิปัญญาในการดำเนินงาน มีดังนี้
- มีการนำเครื่องสาวไหมแบบปรับปรุงมาใช้แทนเครื่องสาวแบบเก่าเพื่อให้สามารถผลิตเส้นไหมต่อวันให้ได้มากขึ้นและเส้นไหมที่ผลิตได้มาตรฐาน
- ใช้ระบบน้ำระบบพลังงานจากแสงอาทิตย์(Solar Cell) ในการสูบน้ำรดแปลงหม่อน
- มีการใช้เครื่องเดินเส้นยืน และเครื่องม้วนเส้นยืนแบบมอเตอร์ในการพัฒนาการผลิต โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
- การนำขี้ช้างและโคลน มาใช้ย้อมสีเส้นไหม สำหรับทอผ้าเพื่อสร้างอัตลักษณ์และเพิ่มมูลค่า
- มีการทำการตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Facebook (Meta) และ Instagram ในชื่อบัญชี Sodelaaor (โส็ตละออ) โดยมีความหมายว่า “ผ้าไหมสวย”
- ใช้ smart phone ในการค้นหาข้อมูลสำหรับพัฒนา ปรับปรุงการผลิต ประชาสัมพันธ์ผลงาน
ในด้านการส่งเสริมอาชีพสู่ความยั่งยืน ได้ดำเนินการ ดังนี้
- สร้างทายาทหม่อนไหม โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้เยาวชนในชุมชนตลอดจนเกษตรกรและนักเรียนที่สนใจ เพื่อเป็นอีกทางเลือกอาชีพ และสืบทอดภูมิปัญญา
- ส่งเสริม ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการสาวไหมให้เยาวชนจนนักเรียนได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันสาวไหม ประกวดเส้นไหมระดับประเทศ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ได้รับรางวัล รองชนะเลิศอันดับ ๑ ประเภทไหมน้อยสาวมือ ระดับประถมศึกษา และปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๒ ประเภทไหมน้อยสาวมือ ระดับประถมศึกษา
ผลงานดีเด่น
- พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๒ ไหมน้อยสาวมือ ระดับบุคคลทั่วไป ในการแข่งขันสาวไหมและประกวดเส้นไหมระดับจังหวัด
- พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๑ ไหมลืบสาวมือ ระดับบุคคลทั่วไป ในการแข่งขันสาวไหมและประกวดเส้นไหมระดับจังหวัด
- พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๑ ไหมน้อยสาวมือ ระดับบุคคลทั่วไป ในการแข่งขันสาวไหมและประกวดเส้นไหมระดับจังหวัด
- พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศ ทายาทหม่อนไหมดีเด่น ระดับชุมชน ในงาน ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย ครั้งที่ ๑๒
- พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้รับรางวัลชมเชย โดยการส่งผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ลายหนามเตย เข้าประกวดของดีของฝากจังหวัดฉะเชิงเทรา
- พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๑ ระดับเขต ในการคัดเลือกการประกวดเกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ประจำปี ๒๕๖๑
- พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๑ ระดับเขต ในการคัดเลือกการประกวดเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ประจำปี ๒๕๖๒
- พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๒ การประกวดผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ประเภทผ้าไหมขาวม้า สีธรรมชาติ นกยูงสีทอง
- พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ ๑ ระดับเขต ในการคัดเลือกการประกวดเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ประจำปี ๒๕๖๔
- พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้รับพระราชทานใบประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา รางวัล ผ้าที่ได้รับเกียรติบัตร การประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ประเภท ผ้ามัดหมี่ ๓ ตะกอขึ้นไป
- พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้รับรางวัลภูฆิราชภัฏ จากสภาศิลปวัฒนธรรม ในเรื่องผู้มีผลงานเชิงประจักษ์ และทำคุณประโยชน์ด้านศิลปะวัฒนธรรมเพื่อท้องถิ่น
- พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้รับรางวัลปราชญ์หม่อนไหม สาขาการเลี้ยงไหมหัตถกรรม (การเลี้ยงไหมครบวงจร)จากกรมหม่อนไหม
- พ.ศ. ๒๕๖๗ ได้รับรางวัลสุดยอดผ้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ประจำปี ๒๕๖๗ ในผลงาน ผ้าไหมมัดหมี่๔ ตะกอ ลายหนามเตย
รายได้จากอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
ปี ๒๕๖๕ รายได้สุทธิ รวมทั้งสิ้น ๑๘๓,๖๐๐ บาท
ปี ๒๕๖๖ รายได้สุทธิ รวมทั้งสิ้น ๒๐๐,๔๐๐ บาท
ปี ๒๕๖๗ รายได้สุทธิ รวมทั้งสิ้น ๒๒๙,๖๐๐ บาท
ความเป็นผู้นำและการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในด้านต่าง ๆ
๑. เป็นปราชญ์หม่อนไหม สาขาการเลี้ยงไหมหัตถกรรม (การเลี้ยงไหมครบวงจร) ของกรมหม่อนไหม
๒. เป็นประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรด้านหม่อนไหม
๓. เป็นคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าบ้านอ่างเตย
๔. เป็นคณะกรรมการเงินกองทุน SML ในหมู่บ้านอ่างเตย หมู่ที่ ๙ ตำาบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
๕. เป็นคณะกรรมการหมู่บ้านอ่างเตย
๖. เป็นวิทยากร เกี่ยวกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้แก่นักเรียนนักศึกษาตลอดจนเกษตรกรที่มีความสนใจเกี่ยวกับอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
๗. ให้ความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกิจกรรมประเพณีวัฒนธรรม วันสำคัญต่าง ๆ วันสำคัญทุกงาน
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นางสาวนงนุช วงคง มีการประกอบอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้สอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้
- ใช้ปุ๋ยคอกบำรุงแปลงหม่อน ใช้ฟางคลุมดินเพื่อรักษาความชื้น
- นำสิ่งเหลือใช้จากกระบวนการเลี้ยงไหม เช่น มูลไหมนำมาตากแดดและใส่ในแปลงหม่อน เป็นต้น
- มีการนำระบบบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการฟอกย้อมสีเส้นไหมมาใช้
- ใช้วัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น ใบไม้ ดอกไม้และโคลนขี้ช้าง มาย้อมสีเส้นไหมสำหรับทอผ้า เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ไม่ทำลายพันธุ์ไม้ย้อมสี และเป็นการสร้างเอกลักษณ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ในท้องถิ่น
- นำเอาหลักเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ผสมผสาน ในการประกอบอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมควบคู่ไปด้วยกันโดยมีการปลูกพืชผสมผสานเป็นแนวกันชน เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีภายในแปลงหม่อน
- มีการปลูกพันธุ์ไม้ย้อมสีทดแทนต้นที่ใช้ไป