
ในยุคปัจจุบันที่ภาคการเกษตรเผชิญกับปัญหาแมลงศัตรูพืชและต้นทุนการผลิตที่สูงจากการใช้สารเคมี กรมวิชาการเกษตร โดยสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชได้พัฒนาไวรัส เอ็นพีวี (NPV : Nucleopolyhedrovirus) ขึ้นมาเป็นทางเลือกในการควบคุมแมลงศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสอดคล้องกับแนวทางเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์

NPV ย่อมาจาก Nucleopolyhedrovirus เป็นไวรัสที่เกิดโรคกับแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะแมลงในกลุ่มผีเสื้อ ซึ่งจะออกฤทธิ์เฉพาะในระยะตัวอ่อน (หนอน) ไวรัสชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความจำเพาะสูงต่อแมลงเป้าหมาย และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม จึงนับเป็นชีวภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมต่อการใช้ในระบบการเกษตรสมัยใหม่เมื่อหนอนศัตรูพืชได้รับไวรัสเข้าสู่ร่างกาย (โดยการกินใบไม้หรือพืชที่มีไวรัสเกาะอยู่) ไวรัสจะเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ภายในเซลล์ของแมลง ทำให้หนอนอ่อนแอ ไม่กินอาหาร และตายในที่สุด โดยกระบวนการตายจะเกิดขึ้นภายใน 3–7 วัน แล้วปล่อยไวรัสออกมาแพร่กระจายสู่แมลงตัวอื่นๆ ต่อไป ทำให้สามารถควบคุมการระบาดได้ในวงกว้าง ชีวภัณฑ์ไวรัส NPV ที่กรมวิชาการเกษตรพัฒนาขึ้น มีทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่

1.DOA BIO-V1 ไวรัส NPV สำหรับควบคุมหนอนกระทู้หอม เช่น ในพืชตระกูลหอม กระเทียม และพืชผักต่างๆอัตราใช้ปกติ 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5–7 วัน หากพบการระบาดรุนแรง 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 3 วัน ติดต่อกัน 2 ครั้ง

2.DOA BIO-V2 ไวรัส NPV สำหรับควบคุมหนอนเจาะสมอฝ้าย เช่น ฝ้าย ถั่วเหลือง ถั่วเขียว และพืชตระกูลถั่ว อัตราใช้ปกติ 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5–7 วัน หากพบการระบาดรุนแรง พ่นทุก 3 วัน ติดต่อกัน 2 ครั้ง
3.DOA BIO-V3 ไวรัส NPV สำหรับควบคุมหนอนกระทู้ผัก เช่น คะน้า กะหล่ำ พริก มะเขือเทศ ฯลฯ อัตราใช้ 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5–7 วัน หากพบการระบาดรุนแรง พ่นทุก 3 วัน ติดต่อกัน 2 ครั้ง

ซึ่งจุดเด่นของชีวภัณฑ์ไวรัส NPV ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค ไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิต มีความจำเพาะสูง ไม่ทำลายแมลงที่มีประโยชน์ เช่น ผึ้งหรือตัวห้ำตัวเบียน ลดความเสี่ยงจากสารเคมี เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการทำเกษตรปลอดภัยหรือเกษตรอินทรีย์ ใช้ได้ต่อเนื่องโดยไม่เกิดการดื้อยา ซึ่งต่างจากสารเคมีกำจัดแมลงทั่วไป เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศทางการเกษตรในระยะยาว

นอกจากนี้ การใช้ชีวภัณฑ์ไวรัส NPV ให้ได้ผลดี ควรพ่นหลังเวลา 15.00 น. เพื่อหลีกเลี่ยงรังสี UV สามารถใช้ร่วมกับสารเคมีกำจัดแมลงหรือยาฆ่าเชื้อรา พ่นให้ทั่วบริเวณที่พบการระบาด โดยเฉพาะบริเวณใต้ใบ ควรใช้ติดต่อกันตามคำแนะนำ หากพบการระบาดต่อเนื่อง ควรเก็บรักษาชีวภัณฑ์ในที่เย็น หลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อรักษาประสิทธิภาพของไวรัสสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2579-7580 ต่อ 153




