เมื่อรู้แล้วว่า ผัก ผลไม้ เมล็ดพันธุ์ รวมถึงดินหรือสิ่งที่ติดมากับพืช ล้วนเข้าข่าย “พืช” ตามกฎหมาย
คำถามต่อมาที่หลายคนสงสัยคือ ถ้าจะนำพืชเข้าประเทศ ต้องทำอย่างไร และถ้าไม่ทำตาม จะเกิดอะไรขึ้น
ตาม พระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 การนำพืชเข้าประเทศ มีหลักสำคัญอยู่ 3 เรื่อง คือ
นำเข้า = ต้องขออนุญาต
ต้องผ่านการตรวจ
ต้องมีเอกสารตามที่กำหนด
ไม่ว่าจะเป็น พ่อค้า เกษตรกร หรือแม้แต่นักท่องเที่ยว หลักการนี้เหมือนกันทั้งหมด
นำเข้าพืช ต้องขออนุญาต
การนำพืชจากต่างประเทศเข้ามา ไม่ใช่แค่นำของเข้าประเทศ แต่เป็นการนำความเสี่ยงของศัตรูพืชเข้ามาด้วย
กฎหมายจึงกำหนดว่า การนำพืชเข้ามา
ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน
เพื่อให้ทราบว่า
เป็นพืชชนิดใด
มาจากประเทศใด
และมีความเสี่ยงด้านศัตรูพืชหรือไม่
พืชต้องผ่านการตรวจ
เมื่อมีการนำพืชเข้ามา
พืชนั้นต้องผ่านการตรวจ
การตรวจ ไม่ได้ตรวจเพราะไม่ไว้ใจ แต่ตรวจเพื่อดูว่า มีศัตรูพืชติดมาหรือไม่
หากพบศัตรูพืช เจ้าหน้าที่มีอำนาจ กัก ตรวจ ทำลาย หรือสั่งส่งกลับ
ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย
ต้องมีเอกสารตามที่กฎหมายกำหนด
การนำพืชเข้าประเทศ ต้องมีเอกสารที่แสดงว่า
พืชนั้นผ่านการควบคุมจากประเทศต้นทาง
เอกสารเหล่านี้ ช่วยยืนยันว่า พืชมีความปลอดภัย
และลดความเสี่ยงในการนำศัตรูพืชเข้ามา
แล้วถ้าไม่ทำตามขั้นตอน จะผิดยังไง
ตามกฎหมายกักพืช
การกระทำต่อไปนี้ ถือว่ามีความผิด เช่น
นำพืชเข้ามา โดยไม่ขออนุญาต
นำพืชเข้ามา โดยไม่ผ่านการตรวจ
นำพืชเข้ามา โดยไม่มีเอกสาร หรือเอกสารไม่ครบ
เมื่อพบการกระทำผิดพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ
จัดการกับพืชนั้นได้ทันที เช่น
กักไว้ตรวจสอบ ทำลาย หรือสั่งส่งกลับออกนอกประเทศ
นอกจากพืชจะถูกจัดการตามกฎหมายแล้ว
ผู้นำเข้า อาจต้องรับ โทษตามที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งมีทั้ง โทษปรับ และ/หรือ โทษจำคุก ขึ้นอยู่กับลักษณะของความผิด
โทษเหล่านี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อกลั่นแกล้งใคร แต่มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูพืชหลุดเข้ามา และสร้างความเสียหายกับพืชทั้งประเทศ
สรุปให้เข้าใจง่าย
นำพืชเข้าประเทศ = ต้องขออนุญาต
พืชต้องผ่านการตรวจ และมีเอกสาร
ไม่ทำตามขั้นตอน = มีความผิดตามกฎหมาย
พืชอาจถูกกัก ทำลาย หรือส่งกลับ
กฎหมายกักพืช = การป้องกันก่อนเกิดความเสียหาย





