นายพรเทพ ปู่ประเสริฐ อุปนายกสมาคมการค้าพืชไร่ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการนำเข้าข้าวโพดสหรัฐฯ 1 ล้านตัน เนื่องจากกังวลว่าจะส่งผลกระทบกับราคาข้าวโพดในประเทศ ซึ่งปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์สามารถใช้วัตถุดิบทดแทนในประเทศได้ เช่น ปลายข้าว มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นการช่วยเกษตรกรในประเทศ
นายพรเทพ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 13 พ.ย.) สมาคมจะยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขอให้ทบทวนกรอบการนำเข้าข้าวโพด เพราะปัจจุบันไทยยังมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านปีละกว่า 1 ล้านตัน หากนำเข้ามาเพิ่มจะส่งผลให้เกิดผลผลิตเกินความต้องการ และกระทบราคาข้าวโพด

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ชุดใหม่นัดแรกที่มี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเพื่อพิจารณารายละเอียดในการนำเข้าข้าวโพด หลัง ครม.มีมติอนุมัติกรอบนำเข้าข้าวเลี้ยงสัตว์ 1 ล้านตัน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกันพิจารณา เช่น สมาคมพืชไร่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย
ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ ครม.เห็นชอบเพิ่มโควตานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2569 จากเดิมมีโควตาการนำเข้า 54,700 ตัน ในอัตราภาษี 20% เพิ่มเป็น 1 ล้านตัน ในอัตราภาษี 0%ซึ่งเป็นไปตามการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ส่วนที่ว่าการนำเข้าโควตาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ครั้งนี้ อาจจะมีผลกระทบกับเกษตรกร และราคาของข้าวโพดในภาพรวมนั้น ขอชี้แจงว่าการอนุมัตินำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นการวางกรอบการนำเข้า แต่จะนำเข้าตามความจำเป็น ทั้งนี้การเปิดโควตานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยไทยผลิตได้ เพียง 4.5 ล้านตัน แต่ความต้องการอยู่ที่ ประมาณ 9 ล้านตัน ซึ่งกรอบที่วางไว้ ยังไม่ได้มีการตกลงกับสหรัฐฯที่เป็นลายลักษณ์อักษร
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการกำหนดมาตรการเพื่อดูแลเกษตรในประเทศ โดยให้ปรับระยะเวลาการเปิดโควตานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากเดิมวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี เป็นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายนของทุกปีแทน โดยการกำหนดสัดส่วนการนำเข้า 3 ต่อ 1 คือ ต้องซื้อผลผลิตในประเทศก่อน 3 ส่วน ต่อการนำเข้า 1 ส่วน และต้องซื้อในประเทศให้หมดก่อน
สำหรับราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ หน้าโรงงานอาหารสัตว์กรุงเทพฯและปริมณฑล ความชื้นร้อยละ 14.5 อยู่ที่กิโลกรัม 9.80 บาท




