
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยให้กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ซึ่งได้กำชับมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและสารวัตรเกษตร ตรวจตราร้านค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตรอย่างเข้มงวด หากพบผู้กระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายชัยศักดิ์ รินเกลื่อน ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ได้รายงานตามข้อสั่งการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ว่าเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร สำนักควบคุมพืชวัสดุการเกษตรร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. เข้าตรวจสอบตามเบาะแสร้องเรียนจากบริษัทจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางกาเกษตร แจ้งการจำหน่ายวัตถุอันตรายผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบของบริษัทฯ ชื่อการค้า นาคูมิ ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายไม่มีทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้ทำการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าบ้านพักอาศัย ตำบลศรีเตี้ย อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียนจากทางบริษัทฯ
จากการเข้าตรวจสอบ บนช่องทาง Shopee บิดาเจ้าของได้นำตรวจสถานที่ ซึ่งไม่พบวัตถุอันตรายต้องสงสัยดังกล่าว พบเพียงกล่องพัสดุที่ใช้แล้วรายละเอียดระบุบนกล่องว่า “มีโชค เกษตร” จึงได้ทำการเก็บหลักฐานเพื่อประกอบการสืบค้นต่อไป
และในวันเดียวกันนั้นได้เข้าตรวจได้เข้าตรวจสอบบ้านพักอาศัย ตำบลสองแคว อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ตามเบาะแสร้องเรียนจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แจ้งการจำหน่ายวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน โดยใช้ชื่อเพจ อิงดาวช็อปออนไลน์ 99 ผ่านช่องทาง Shopee จากการเข้าตรวจสอบเจ้าของเพจดังกล่าวได้นำตรวจ
โดยสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย พบวัตถุอันตราย จำนวน 6 รายการ ปริมาณรวมทั้งหมด 43 ลิตร จึงได้สุ่มเก็บตัวอย่างวัตถุอันตราย จำนวน 6 รายการ และอายัดวัตถุอันตราย จำนวน 5 รายการ มูลค่าของกลาง 10,000 บาท และได้ถามข้อมูลจากเจ้าของเพจอิงดาวช็อปออนไลน์ 99 เกี่ยวกับที่มาของวัตถุอันตรายที่เจ้าหน้าที่พบในที่เกิดเหตุอันเป็นเหตุให้ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 จึงดำเนินการเข้าตรวจสอบร้านค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ที่ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน พบมารดาเจ้าของร้านได้นำตรวจ โดยสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย พบวัตถุอันตราย จำนวน 2 รายการ ปริมาณ 82 ลิตร และปุ๋ยเคมี ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม ปริมาณธาตุอาหารรอง แคลเซียมที่ละลายน้ำ (Ca) 3 % จำนวน 1 รายการ ปริมาณ 9 ลิตร ปริมาณรวมทั้งหมด 91 ลิตร จึงได้สุ่มเก็บตัวอย่างและอายัดวัตถุอันตรายและปุ๋ย จำนวน 3 รายการ มูลค่าของกลาง 30,000 บาท

ตามเบาะแสร้องเรียนจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แจ้งการจำหน่ายวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน โดยใช้ชื่อเพจ อิงดาวช็อปออนไลน์ 99 ผ่านช่องทาง Shopee จากการเข้าตรวจสอบพบนางสาวรุจิรา สุรินทร์ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจดังกล่าวได้นำตรวจ โดยสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย พบวัตถุอันตราย จำนวน 6 รายการ ปริมาณรวมทั้งหมด 43 ลิตร จึงได้สุ่มเก็บตัวอย่างวัตถุอันตราย จำนวน 6 รายการ และอายัดวัตถุอันตราย จำนวน 5 รายการ มูลค่าของกลาง 10,000 บาท และได้ถามข้อมูลจากเจ้าของเพจอิงดาวช็อปออนไลน์ 99 เกี่ยวกับที่มาของวัตถุอันตรายที่เจ้าหน้าที่พบในที่เกิดเหตุอันเป็นเหตุให้ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 จึงดำเนินการเข้าตรวจสอบร้านค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ชื่อ ร้านประไพการเกษตร เลขที่ 83 หมู่ที่ 12 ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ซึ่งมีนายอดิศักดิ์ กัณธิยะ เป็นผู้ดำเนินการ ในขณะเข้าตรวจสอบพบนางประไพ กัณธิยะ ผู้เป็นมารดาได้นำตรวจ โดยสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย พบวัตถุอันตราย จำนวน 2 รายการ ปริมาณ 82 ลิตร และปุ๋ยเคมี ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม ปริมาณธาตุอาหารรอง แคลเซียมที่ละลายน้ำ (Ca) 3 % จำนวน 1 รายการ ปริมาณ 9 ลิตร ปริมาณรวมทั้งหมด 91 ลิตร จึงได้สุ่มเก็บตัวอย่างและอายัดวัตถุอันตรายและปุ๋ย จำนวน 3 รายการ มูลค่าของกลาง 30,000 บาท


และในวันเดียวกันนั้นได้เข้าตรวจสอบบริษัทจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางกาเกษตร ตำบลปากบ่อง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ซึ่งมีผู้นำตรวจ โดยสถานที่ดังกล่าวมีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย พบวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน จำนวน 15 รายการ และพบวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 จำนวน 10 รายการ อยู่บริเวณโกดังหลังร้าน จำนวนทั้งหมด 25 รายการ ปริมาณรวมทั้งหมด 663.462 ลิตร และ 233.700 กิโลกรัม จึงได้สุ่มเก็บตัวอย่างวัตถุอันตราย จำนวน 24 รายการ และอายัดวัตถุอันตราย จำนวน 21 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 1,000,000 บาท ตัวอย่างที่สุ่มเก็บทั้งหมด 33 รายการจะดำเนินการส่งตรวจสอบคุณภาพที่ห้องปฏิบัติการกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร และรวบรวมหลักฐานส่งเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
โดยเบื้องต้นพบมีคความผิดตามมาตรา 43(4) ห้ามผู้ใดผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีโทษตามมาตรา 74 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามมาตรา 45(4) ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ มีโทษตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามมาตรา 23 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีโทษตามมาตรา 73 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ภารกิจในการเฝ้าระวังและควบคุมการผลิต การจำหน่าย และการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยกรณีนี้เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 43(4) ห้ามผู้ใดผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีโทษตามมาตรา 74 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดตามมาตรา 45(4) ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ มีโทษตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดตามมาตรา 23 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีโทษตามมาตรา 73 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรดำเนินการติดตามผลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปอย่างเคร่งครัด” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

“ภารกิจในการเฝ้าระวังและควบคุมการผลิต การจำหน่าย และการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยกรณีนี้เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 43(4) ห้ามผู้ใดผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีโทษตามมาตรา 74 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามมาตรา 45(4) ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ มีโทษตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามมาตรา 23 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีโทษตามมาตรา 73 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรดำเนินการติดตามผลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปอย่างเคร่งครัด” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว







