เว็บไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยแพร่ว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) ประกาศข้อพิธีสารว่าด้วย “ข้อกำหนดการตรวจสอบกักกันโรคและศัตรูพืชสำหรับการนำเข้าทุเรียนจากลาว” ที่ลงนามระหว่างสำนักงานฯ GACC กับกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป. ลาว โดยอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดลาวที่ตรงตามข้อกำหนดอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป ทำให้ลาวกลายเป็นประเทศที่ 6 ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดสู่ตลาดจีน ต่อจากไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และกัมพูชา

ประกาศดังกล่าวมีข้อกำหนดด้านการจัดการสวน ได้แก่ การควบคุมศัตรูพืช การรักษาความสะอาด และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) รวมถึงการตรวจสอบย้อนกลับต้นทางผลผลิต และรักษาสภาพสุขาภิบาลสวน เช่น ไม่มีแหล่งมลพิษที่ส่งผลต่อการผลิตผลไม้ รีบเก็บผลเสีย ผลร่วง และผลเน่า เป็นต้น และต้องดำเนินการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (Integrated Pest Management: IPM) รวมถึงการติดตามตรวจสอบศัตรูพืชเป็นประจำ การป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยวิธีทางกายภาพ เคมีหรือชีวภาพ และมาตรการควบคุมอื่นๆ จากการปฏิบัติทางการเกษตร ในกระบวนการบรรจุหีบห่อทุเรียนส่งออกจีน ต้องผ่านขั้นตอนการคัดเลือกด้วยมือ การจัดเกรด และการทำความสะอาด โดยคัดแยกผลที่เป็นโรค ผลที่มีแมลง ผลเน่า ผลผิดรูป กิ่งไม้ ใบไม้ หรือซากพืชอื่นๆ และดินออก จากนั้นทำความสะอาดผิวผลไม้ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ เช่น การเป่าพ่นด้วยปืนลมแรงดันสูงหรือปืนน้ำ เพื่อกำจัดเพลี้ยแป้ง ไข่แมลง และสปอร์เชื้อโรคที่ติดอยู่บนผิวผลไม้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หากจำเป็นต้องดำเนินการกำจัดแมลงภายในโรงงานบรรจุ กระบวนการบรรจุหีบห่อต้องสอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ และมาตรฐานว่าด้วยความปลอดภัยด้านอาหารของจีน โดยไม่อนุญาตให้เติมสารที่ไม่ใช่อาหารอย่างผิดกฎหมาย

ปัจจุบันลาวมีสวนปลุกทุเรียนจำนวน 170 แห่ง พื้นที่เพาะปลูกมากกว่า 20,000 เฮกตาร์ ต้นทุเรียนที่ออกผลแล้วมีจำนวน 10,000 ต้น ผลผลิตต่อปีอยู่ที่ประมาณ 900 ตัน ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์หมอนทอง เป้าหมายในปี 2572 ต้นทุเรียนที่เก็บเกี่ยวผลได้จำนวน 270,000 ต้น ผลผลิตประมาณ 24,300 ตัน ล่าสุดมีการวางแผนจะส่งออกทุเรียนคุณภาพสูง 400 ตันในปี 2569 โดยจีนเป็นตลาดเป้าหมาย ด้วยทางรถไฟจีน-ลาว เวลาขนส่งถึงจีนไม่ถึงสองวัน ช่วยลดต้นทุนขนส่งอย่างมากและรักษาความสดใหม่ของทุเรียน
ตั้งแต่ปี 2564 นักลงทุนจากจีน เวียดนาม และมาเลเซียได้เข้ามาลงทุนปลูกทุเรียนในลาว โดยกระจายตัวในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศ ซึ่งได้ส่งเสริมการพัฒนาการปลูกทุเรียนของลาวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ จีนกับลาวได้มีความร่วมมือดำเนินโครงการปลูกทุเรียนระยะ 25 ปี เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตทุเรียนในการตอบสนองความต้องการทั้งในและต่างประเทศ โครงการนี้มุ่งนำเทคโนโลยีการปลูกแบบวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของทุเรียนลาวในตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการปลูกพืช สปป.ลาวจัดพิธีเริ่มต้นระบบ “หนึ่งต้น หนึ่งใบรับรอง” สำหรับต้นทุเรียน โดยมอบใบรับรองพันธุ์ทุเรียนพันธุ์ใหม่และใบรับรองต้นทุเรียนภายใต้ระบบ “หนึ่งต้น หนึ่งใบรับรอง” ให้แก่กลุ่มบริษัทปลูกทุเรียนของลาว การใช้ระบบนี้เป็นการปฏิวัติการกำกับดูแลดิจิทัลภาคเกษตรของลาว โดยจัดทำบันทึกข้อมูลประจำตัวเฉพาะสำหรับต้นทุเรียนแต่ละต้น เชื่อมโยงขั้นตอนสำคัญทั้งหมดได้แก่ การเพาะปลูก การใส่ปุ๋ย การป้องกันศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยว ให้เข้าสู่ระบบตรวจสอบย้อนหลังผ่านทางดิจิทัล ซึ่งยกระดับความสามารถในการควบคุมคุณภาพทุเรียนและความน่าเชื่อถือทางการค้าระหว่างประเทศ นับเป็นความก้าวหน้าทางนวัตกรรมพันธุ์พืช การกำกับดูแลมาตรฐาน และการควบคุมตรวจสอบผ่านดิจิทัลของอุตสาหกรรมทุเรียนลาว
การเปรียบเทียบสถานการณ์คู่แข่งทุเรียนในตลาดจีน
| ประเทศ | ปริมาณการนำเข้า ม.ค.-ต.ค. 2568 | ฤดูกาล | สายพันธุ์ | ผลผลิต/ปี | ราคาขายส่งในตลาดจีน |
| ไทย | ปริมาณ 898,992 ตัน (+14.57%)มูลค่า 3,877 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+0.24%) | เมษายน-มิถุนายน(ภาคตะวันออก)กรกฎาคม-ตุลาคม(ภาคใต้) | ชะนี, หมอนทอง, ก้านยาว, กระดุม, พวงมณี | 1,500,000 ตัน | ราคาขายส่ง 48-51 หยวน/กก.(วันที่ 17 ธ.ค.68) |
| เวียดนาม | ปริมาณ 789,156 ตัน (+13.79%)มูลค่า 2,931 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+5.37%) | เมษายน-กรกฎาคมและตุลาคม-มีนาคม (เกือบทั้งปี) | Ri6 หมอนทอง | 600,000-700,000 ตัน | ราคาขายส่ง 44-50 หยวน/กก.(วันที่ 17 ธ.ค.68) |
| ฟิลิปปินส์ | ปริมาณ 2,414 ตัน (-76.45%)มูลค่า 6.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-73.62%) | กุมภาพันธ์-เมษายนส่วนมากออกช่วง สิงหาคม-ตุลาคม | ชะนี, หมอนทอง, Puyat | 100,000 ตัน | ราคาขายส่ง 40-43 หยวน/กก.(วันที่ 16 ก.ค.68) |
| มาเลเซีย | ปริมาณ 1,021 ตัน (+327.2%)มูลค่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+282.71%) | มิถุนายน-กันยายน | มูซังคิงD2 D22 D24 D101 | 377,251 ตัน | 100-300 หยวน/กก. (วันที่ 17 ธ.ค.68) |
| กัมพูชา | ปริมาณ 145 ตันมูลค่า 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ | เมษายน-กรกฎาคม | หมอนทองมูซังคิง | 112,110 ตัน | – |
| ลาว | – | พฤษภาคม | หมอนทอง | 900 ตัน | – |
ความเห็นของ สคต. ณ เมืองหนานหนิง หลังจาก GACC ประกาศอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดจากลาวอย่างเป็นทางการ คู่แข่งที่มีศักยภาพของทุเรียนไทยในตลาดจีนจะเพิ่มขึ้นอีกราย ถึงแม้ว่าปัจจุบันลาวยังมีผลผลิตทุเรียนจำนวนไม่มาก แต่ดูจากด้านความได้เปรียบทำเลที่ตั้งแล้ว ลาวมีพรมแดนติดกับจีนและมีทางรถไฟจีน-ลาวเชื่อมต่อ ทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งต่ำกว่าไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังนำระบบการจัดการที่ทันสมัยมาใช้พัฒนามาตรฐานการเพาะปลูกทุเรียนของลาว หากทุเรียนลาวมีปริมาณและคุณภาพสูงขึ้นหลังได้รับอนุญาต จะเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพอีกรายหนึ่งของทุเรียนไทย ทั้งนี้ ทุเรียนไทยในปัจจุบันมีภาพลักษณ์ที่ดีในตลาดจีน โดยทุเรียนไทยมีจุดแข็งที่รสชาติอร่อย เนื้อละเอียด หวานมัน มีคุณภาพมาตรฐาน และเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวจีน
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญในด้านคุณภาพและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของทุเรียนไทย โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน แหล่งกำเนิดต้องผ่านมาตรฐานการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี โรงงานแปรรูปต้องผ่านมาตรฐานการรับรองคุณภาพการผลิตของผู้ผลิต และต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยไร้สารตกค้าง เพื่อสร้างความมั่นใจ และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของทุเรียนไทยให้กับผู้บริโภคจีนอย่างต่อเนื่องมั่นคง เพื่อส่งเสริมให้ทุเรียนไทยสามารถแข่งขันและรักษาตลาดได้อย่างยั่งยืน




