
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เปิดงาน โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ โรงเรียนวัดโพรงมะเดื่อ (ศรีวิทยากร)

โดยมี พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร อดีต สส.นครปฐม เขต 2, นายพีรวัส สมวงศ์ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ อธิบดีกรมหม่อนไหม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และ นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เข้าร่วม

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ ซึ่งเป็นโครงการที่เชิดชูและสานต่อพระราชปณิธานด้านการพัฒนาประเทศ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งมั่นสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ ทั้งด้านการเกษตร การศึกษา การบริหารจัดการน้ำ การสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม

สำหรับโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ ถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยนำบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ และองค์ความรู้ด้านการเกษตรไปให้บริการถึงพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงบริการแบบครบวงจรในคราวเดียว พร้อมเชิญชวนเกษตรกรใช้โอกาสนี้เข้ารับคำปรึกษาอย่างเต็มที่ และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติงานด้วยจิตอาสา เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องเกษตรกร

ภายหลังพิธีเปิดงาน ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในวันนี้ ถือเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการนำนโยบายของรัฐบาลลงไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และบริการด้านการเกษตรไปให้ถึงมือเกษตรกรโดยตรง ลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงบริการของรัฐได้อย่างทั่วถึง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จังหวัดนครปฐมถือเป็นพื้นที่ที่มีภาคการเกษตรและเกษตรกรจำนวนมาก ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และการแปรรูปสินค้าเกษตร การจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่จึงช่วยให้เกษตรกรได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้อง ตั้งแต่การผลิต การจัดการต้นทุน การพัฒนาคุณภาพผลผลิต ไปจนถึงการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น

“คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ไม่ใช่เพียงการให้บริการเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานองค์ความรู้ให้เกษตรกรสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริง รัฐบาลต้องการให้เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้ มีอาชีพที่มั่นคง และสามารถแข่งขันได้ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

เมื่อถามถึง ครม.มีมติเห็นชอบใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบล้น และไม่สามารถระบายผลผลิตน้ำนมดิบส่วนเกินออกได้ทั้งหมด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ปัญหาของทั้งโคนมและโคเนื้อ แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศยุบสภาไปแล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นรัฐบาลชุดรักษาการอยู่ ซึ่งมีข้อกำหนดเรื่องการใช้งบประมาณเกินกว่า 100 ล้านบาทอยู่ โดยในการประชุม ครม.ครั้งถัดไผ ตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือถือการดำเนินการ ซึ่งตนต้องการจะสานต่อให้จบ และรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการต่อเนื่อง

ด้าน จ่าเอกยศสิงห์ กล่าวว่า ตนได้นำกระทรวงอุตสาหกรรมมาร่วมลงพื้นที่กับ ร.อ.ธรรมนัส โดยมองว่าภาคเกษตรคือฐานการผลิตสำคัญ ซึ่งสามารถนำผลผลิตไปแปรรูปเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจให้เกษตรกรและชุมชน จากนี้ ทั้ง 2 กระทรวงจะบูรณาการความร่วมมือกัน และพร้อมจะเดินหน้าจับมือทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม




